เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งเมื่อสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ หรือ “ไอทีเอฟ” ได้ให้ความไว้วางใจ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเทนนิสอาชีพระดับนานาชาติมากถึง 15 รายการ มากกว่าปีก่อนที่เคยจัดมามากสุด 13 รายการ
โดยปีนี้แบ่งเป็นการแข่งขันของนักหวดชาย ภายใต้ชื่อ “Cal-Comp & XYZprinting ITF Pro Circuit#M1-#M6” ชิงเงินรางวัลรายการละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 6 รายการ รวมเป็นเงินรางวัล 90,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
การแข่งขันประเภทหญิง “Cal-Comp & XYZprinting ITF Pro Circuit #W1-#W6” ชิงเงินรางวัลรายการละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 6 รายการ รวมเป็นเงินรางวัล 90,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
และการแข่งขันประเภทหญิง “Cal-Comp & XYZprinting ITF Pro Circuit 1-3” ชิงเงินรางวัลรายการละ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 3 รายการ รวมเป็นเงินรางวัล 75,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ซึ่งทั้งหมดจะชิงชัยกันที่สนามทรู อารีนาหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้ ไปจนถึงเดือน ธ.ค.
โดยใช้งบประมาณในการจัดการแข่งขันและเงินรางวัลทั้งหมดกว่า 25 ล้านบาท
ซึ่งตอนนี้การแข่งขันรายการแรกก็ได้เริ่มเปิดฉากกันไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ที่ผมหยิบยกเรื่องนี้มาเขียนก็ไม่ใช่จะเอาใจอะไรมากมาย เพียงแต่ต้องการให้มองเห็นว่าวงการเทนนิสของเราเริ่มกระเตื้องขึ้น เริ่มได้รับความไว้วางใจมากขึ้น
ในอีกมุมการที่เราสามารถจัดการแข่งขันในระดับอาชีพได้มากขนานนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเทนนิสที่มีมาตรฐาน
และที่สำคัญที่สุด บรรดานักหวดดาวรุ่งของเราทั้งหลายได้มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมไต่อันดับโลก โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไปแข่งในต่างประเทศด้วย
...
ก็อย่างที่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในฐานะที่เป็นประธานที่ปรึกษาการจัดการแข่งขัน เอ่ยเอาไว้ว่า 15 รายการนี้จะเป็นเวทีการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้นักเทนนิสชาวไทยได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และสร้างผลงานที่ดีเพื่อทำคะแนนสะสมอันดับโลก
โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปแข่งขันที่ต่างประเทศ
เรื่องนี้นักกีฬาได้ประโยชน์จึงต้องเขียนถึง.
ยุบสภา