สร้างแบรนด์ดึงรายการระดับโลกเข้ามาจัดในไทย
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้วางยุทธศาสตร์ใช้กีฬานำการท่องเที่ยวเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายใหญ่ให้ไทยเป็น “สปอร์ตฮับ” หรือศูนย์กลางด้านกีฬาชั้นนำระดับโลก ภายในระยะเวลา 10 ปี
โดยจะเริ่มเห็นภาพการเป็นผู้นำได้ใน 1-3 ปี โดยวางกลยุทธ์ 5 ด้านไว้เป็นฐานการรองรับ ได้แก่ 1.การนำอีเวนต์กีฬาระดับโลกมาจัดแข่งขันในไทย 2.จัดอีเวนต์กีฬาแห่งมวลชนระดับโลกที่มีผู้เข้าแข่งขันจำนวนมาก เช่น มาราธอน จักรยาน 3.การส่งเสริมสถานที่จัดการแข่งขันที่ดีระดับโลก 4.ส่งเสริมการเป็นศูนย์ฝึกกีฬาระดับโลก 5.การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนาด้านกีฬาระดับโลก
“มีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่า ปัจจุบันทุกอีเวนต์กีฬาในไทย มีนักกีฬาเข้าร่วมราว 1 ล้านคนต่อปี และคิดเป็นชาวต่างชาติ 20% แต่หากสามารถบรรลุเป้าหมายการเป็นศูนย์กลาง จะทำให้นักกีฬาต่างชาติเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% รวมถึงกระตุ้นค่าใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวด้านกีฬาได้อีก 10-20% เป็นอย่างต่ำ”
ทั้งนี้ ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว นอกจากจะเริ่มดึงอีเวนต์ใหญ่ของโลก เช่น โมโตจีพี เข้ามาเป็นเจ้าภาพ ดังที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปแล้ว จะต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์การแข่งขันที่ไทยริเริ่มขึ้นมาเองให้เป็นรายการมีชื่อเสียงระดับโลกด้วย ขณะนี้มองไปที่ 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ มาราธอน เจ็ตสกี และมวยไทย โดยเฉพาะกีฬามาราธอน ได้จัดตั้งคณะทำงานทำแผนการจัด “ไทยแลนด์ มาราธอน” ซึ่งจะเป็นอีเวนต์ใหญ่ระดับประเทศ และมีเป้าหมายระยะยาวเป็นรายการอันดับ 1 ในเอเชีย เทียบชั้นโตเกียว มาราธอน คาดว่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมได้ในปี 2561 ส่วนการแข่งขันเวิลด์เจ็ตสกี แชมเปียนชิพ ที่พัทยา อยู่ระหว่างการให้ผู้จัดทำแผนระยะ 5 ปี โดยมีเป้าหมายขยายฐานผู้ชมสู่ระดับมวลชน ส่วนกีฬามวยไทย จะผลักดันให้เป็นกีฬาที่บรรจุในโอลิมปิกเกมส์ปี 2024 ให้ได้
...
นอกจากนั้น ในเดือน เม.ย.2561 ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสปอร์ต แอคคอร์ด คอนเวนชั่น 2018 ที่กรุงเทพฯ มีผู้เข้าร่วมซึ่งเป็นผู้นำระดับสูงขององค์กรกีฬาระดับโลกรวมกว่า 2,000 คน ตั้งเป้าให้เป็นรายการที่ประกาศศักยภาพของไทยในด้านการเป็นสปอร์ตสฮับอย่างเป็นทางการด้วย.