ได้เวลาอำลามหกรรมกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 33 “ชุมพร-ระนองเกมส์” ที่จังหวัดชุมพร และระนอง กันแล้ว

นอกจากผลการแข่งขันที่ได้รับทราบจากข่าวก่อนหน้านี้ ยังมีสถิติที่น่าสนใจมาฝากส่งท้ายเล็กน้อย

โดยกีฬาหลักๆที่เรียกว่าโอลิมปิกสปอร์ตนั้น กรีฑาเป็นนักกีฬาจากนครศรีธรรมราช ที่ทำไปได้มากที่สุด 9 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง อันดับ 2 นครราชสีมา 6 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง อันดับ 3 สุราษฎร์ธานี 5 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง

ว่ายน้ำ ยังเป็นเงือกสาวฉลามหนุ่มกรุงเทพฯ ที่ครองความเป็นเจ้ากีฬานี้ ทำไปได้ถึง 19 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง ทิ้งอันดับรองๆ ลงมาไม่เห็นฝุ่น โดยอันดับ 2 เชียงใหม่ ได้เพียง 2 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง อันดับ 3 นครปฐม 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง

เทควันโด เป็นจอมเตะจากเมืองหลวงกรุงเทพฯ เช่นกัน ที่ได้แชมป์ ทำไป 7 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง อันดับ 2 บึงกาฬ 2 เหรียญทอง 3 เหรียญทองแดง อันดับ 3 อุทัยธานี 2 เหรียญทอง 2 เหรียญทองแดง

ยกน้ำหนัก ปรากฏว่าจอมพลังจากนครราชสีมา คว้าเหรียญไปได้มากที่สุด 15 เหรียญทอง 10 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง อันดับ 2 ชลบุรี 12 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง อันดับ 3 ยโสธร 6 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง

ต้องบันทึกไว้ว่า จังหวัดที่เคยทำได้ดีในกีฬาใด ถึงตอนนี้ก็ยังรักษามาตรฐานเดิมได้ดี และเป็นการบ้านให้จังหวัดอื่นได้ทำ เพื่อหาทางเอาชนะแชมป์ในกีฬาของตนเองกันต่อ เชื่อว่าหากตั้งใจจริง ความสำเร็จสามารถเกิดขึ้นได้ไม่ช้าก็เร็ว

ขณะที่ผลของการที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะเจ้าของเกม ตัดสินใจให้มีเจ้าภาพร่วมเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ คงมีมุมมองที่หลากหลายออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย

...

แน่นอนว่ามีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ตรงนี้ไม่ว่ากัน

แต่อย่างหนึ่งที่บ่งบอกได้ดี การมี 2 จังหวัดจัดร่วมกัน ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ยังยืนยันคำเดิมว่าการเปิดโอกาสให้จังหวัดเล็กๆ ได้จัดกีฬาระดับชาติเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ดีมากๆ

นโยบายนี้ ควรอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการสนับสนุนส่งเสริมต่อไป

จะสังเกตได้เลยว่า หลังชุมพร-ระนองเกมส์ เริ่มไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ทั้งชุมพรและระนองบอกตรงกันว่าได้รับประสบการณ์ในการเป็นเจ้าภาพที่ล้ำค่า

มีแนวทางที่จะต่อยอดจากการแข่งขันครั้งนี้ ไปสู่เกมที่ใหญ่กว่า หรือพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาต่างๆแบบจังหวัดเดียวแล้ว

เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในส่วนของสนามกีฬา หรือโรงยิมเนเซียมเข้าไปอีกเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อเติมเต็มตรงส่วนนี้ได้ แต่ละจังหวัดก็พร้อมเดินหน้าเต็มตัว

ดังนั้น จึงสามารถบอกได้อย่างเต็มปากเลยว่าโอกาสนั้นเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่มีโอกาสได้จัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ก็ไม่มีทางที่จะทำอะไรได้มากกว่านั้น

ขอเพียงความกล้าที่จะเปลี่ยนจากสิ่งเดิมๆ แล้วโอกาสดีๆก็จะตามมาเอง

ในอนาคตจึงอยากเห็นจังหวัดเล็กๆ แสดงศักยภาพของตนเองออกมา อย่าได้ท้อ อย่าได้กลัว เราเชื่อว่าทุกจังหวัดทำได้

อย่างที่ชุมพรและระนองทำสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว...

ฟ้าคำราม