เผลอแป๊บเดียว “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นั่งตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล แห่งประเทศไทย มากว่า 1 ปีแล้ว หลังชนะการเลือกตั้งมา เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ปี 2559 ซึ่งทีมงานผู้สนับสนุนก็ตบเท้าเข้ามากันอย่างถ้วนหน้า ด้วยเสียงสนับสนุนที่มากมาย มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด บริหารงานกีฬาฟุตบอลของชาติด้วยความมั่นคง ด้วยทุกภาคส่วนให้การสนับสนุน และวาดหวังว่าจะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าให้กับวงการฟุตบอลไทย

มีการปรับเปลี่ยนอะไรมากมาย ก็ทำได้โดยง่ายดาย ไม่มีอุปสรรคขวากหนาม ไม่มีคู่แข่ง ไม่มีฝ่ายค้าน ฝั่งตรงข้าม มาฉุดรั้งให้ต้องร้อนใจ เรียกได้ว่าการทำงานราบรื่นกว่ายุคไหนๆ

ซึ่งเป็นข้อดีของสมาคมกีฬา ที่ไม่ว่าสมาคมไหนก็อยากให้มีบรรยากาศเช่นนี้ เพื่อที่ว่า ผู้บริหารจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ และตรงใจตัวเองมากที่สุด!

ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในหลายๆ ด้านดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ก็มีผลในทางปฏิบัติ แน่นอนย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ส่วนใหญ่เป็นเสียงสะท้อนจากวงนอก ไม่ว่าจะเป็นในโลกของโซเชียลมีเดีย หรือสื่อ รวมถึงปากต่อปากจากแฟนบอลและคนฟุตบอล มีทั้งลบและบวก ตามแต่มุมมองและต้นทุนทางความคิดของแต่ละคน

ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องโดยตรง อย่างสโมสรสมาชิก ผู้มีสิทธิ์มีเสียง และเป็นเจ้าของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯตัวจริง กลับไม่ค่อยมีเสียงสะท้อนอะไรออกมามากมายนัก แม้จะมีปัญหากระทบกระทั่งบ้าง แต่สุดท้ายก็เงียบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ซึ่ง “ความเงียบ” นั้น อาจจะสื่อให้เห็นถึง การยอมรับ ความชื่นชม ทั้งบารมีส่วนตัว หรือ แนวทางในการทำงาน เช่นกัน “ความเงียบ” ก็ยังอาจสะท้อนถึงการรับรู้ว่าเปล่าประโยชน์ รวมถึง “ความเงียบ” เพื่อทนรอวันที่ “ไม่เงียบ” ก็สุดแล้วแต่จะตีความ

...

จนมาเมื่อวันก่อน ได้มีผู้แทนของ 2 สโมสรสมาชิก เข้ายื่นญัตติแจ้งความจำนงต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย ขอให้บรรจุวาระการอภิปรายข้อร้องเรียนกรณีผู้บริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ทำผิดข้อบังคับ ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นระเบียบที่สโมสรสมาชิกพึงกระทำได้

ก็ต้องดูว่า ในการประชุมใหญ่วันที่ 28 เม.ย. เมื่อสโมสรสมาชิกมีโอกาส “พูด” มีโอกาส “แสดงความคิดเห็น” แล้วจะใช้สิทธิ์นั้นกันขนาดไหน

“ความเงียบ” จะคงมีอยู่ต่อไป หรือจะกลับกลายเป็น “ไม่เงียบ” ขึ้นมา

และผลสะท้อนจะเป็นอย่างไร!

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสโมสรสมาชิก ผู้มีอำนาจเต็ม ซึ่งก็คือผู้ที่สัมผัสและรับรู้ด้วยตัวเองจาก 1 ขวบปีที่ผ่านมา....

“เบี้ยหงาย”