พาณิชย์ ชี้สถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคเริ่มปรับตัว มีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น คาดส่งออกไทยปีนี้จะโตเกิน 3% ใกล้เคียงเป้า 5% ตามที่ ”สมคิด” ต้องการ แต่ยังคงติดตามปัจจัยเสี่ยงกระทบการค้า-ลงทุนโลก ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน...

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า ส่งออกไทยในปีนี้จะสามารถเติบโตได้เกิน 3% อย่างแน่นอน และมีโอกาสเติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายไว้ว่าต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ผลักดันการส่งออกปีนี้ให้โตได้ถึง 5% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้เริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ ส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย รวมทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคเริ่มปรับตัวและมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น

นอกจากนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ครั้งภายในปีนี้ ประกอบกับเศรษฐกิจจีนยังทรงตัวและมีโอกาสขยายตัวได้ต่อเนื่องในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในระดับปานกลางจากแรงขับเคลื่อนในประเทศ ทั้งการบริโภคและการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้สถานการณ์ส่งออกไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น

ทั้งนี้หากจะผลักดันให้การส่งออกของไทยในปีนี้เติบโตได้ 5% นั้น มูลค่าการส่งออกในแต่ละเดือนที่เหลืออยู่จะต้องไม่ต่ำกว่า 19,052 ล้านดอลลาร์ แต่หากจะให้การส่งออกเติบโตได้ 4% มูลค่าการส่งออกในแต่ละเดือนต้องไม่ต่ำกว่า 18,837 ล้านดอลลาร์ และหากจะให้การส่งออกเติบโตได้ 3% มูลค่าการส่งออกในแต่ละเดือนจะต้องไม่ต่ำกว่า 18,621 ล้านดอลลาร์

...

อย่างไรก็ดี การส่งออกของไทยยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยเรื่องความไม่ชัดเจนจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองในยูโรโซน ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนในด้านอัตราแลกเปลี่ยนและเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับภาวะการค้าและการลงทุนของโลกในระยะต่อไป ซึ่งจะติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด โดยค่าเงินบาทในปีนี้คาดจะอยู่ในช่วง 35.50-37.50 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ มีผลทำให้เงินบาทอาจอ่อนค่าลง แต่ประเทศเพื่อนบ้านก็อาจจะอ่อนค่ากว่า ดังนั้นจึงอาจจะไม่ได้เป็นผลดีมากนัก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบ จะอยู่ในกรอบ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล.