กระทรวงการคลังเตรียมออกกองทุนรวมวายุภักษ์ เสนอขายคนไทยทั่วไปในวงเงินสูงสุด 150,000 ล้านบาท เพื่อวางรากฐาน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดหุ้นไทยภายใต้การคาดการณ์ว่าจะดันดัชนีราคาหุ้นให้ขึ้นไปได้ถึง 90 จุด
ระยะหลังๆ มานี้ กระทรวงการคลัง เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาลง ซึ่งก็เป็นเวลาพอดีกับที่ประเทศไทยเรามีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง และมีนโยบายจะกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนด้วยการกระจายรายได้เพิ่มขึ้นพร้อมๆ กับเติมเงินในกระเป๋าคนไทย เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเหมือนๆ กัน
เครื่องมือที่กระทรวงการคลังใช้ในการหารายได้ ก็คือ ระบบการจัดเก็บภาษี ไม่ว่าจะลดลง หรือเพิ่มขึ้น และการหารายได้เข้ารัฐ ทั้งทางตรงทางอ้อม เพื่อใช้ในการดูแล และรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ
ล่าสุด มาตรการที่ ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เสนอให้รัฐบาลนายกฯแพทองธาร ชินวัตร พิจารณา ก็คือ การออกกองทุนรวมวายุภักษ์ใหม่ในวงเงิน 100,000 - 150,000 ล้านบาท ภายใต้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% ต่อปี
มาตรการนี้ จัดเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการจูงใจให้ผู้คนกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งตกทะรูดทะราดลงอย่างหนักจากปัญหาที่เป็นทั้งปัจจัยภายใน และภายนอกซึ่งควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทย ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และความถดถอยของเศรษฐกิจโลก
ที่บอกว่า กองทุนรวมวายุภักษ์กองนี้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของตลาดก็เพราะกระทรวงการคลังประเมินว่า น่าจะปลุกดัชนีหุ้นให้ขึ้นไปได้ถึง 90 จุด
จริงๆ การที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยจะดี และแข็งแกร่งได้ ต้องมีมาตรการจัดการเด็ดขาดกับพวกที่หวังดี แต่ประสงค์ร้ายเข้ามาในตลาดเพื่อจะฉ้อโกง หลอกต้มนักลงทุน ช้อตเซลล์ ปั่นปุ้น และ/หรือ ปฏิบัติการในทางมิชอบที่สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย
...
มาตรการตรงนี้ บอร์ดตลาดชุดใหม่ก็ได้เข้ามาจัดการปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรมให้ค่อยๆ หมดไปทีละเปราะๆ จนเป็นที่เชื่อมั่นของนักลงทุนมากขึ้น
กองทุนรวมวายุภักษ์ที่จะเข้าตลาดมา จึงเป็นจุดหักเห และสีสันที่จะดึงดูดให้นักลงทุนทั้งไทย และเทศกลับมาอีกครั้ง ในช่วงเวลาดีๆ ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกันโดยเฉพาะในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เงินทุนก็น่าจะไหลกลับเข้ามาในตลาดไทยครั้งใหม่อีก
เพราะเป้าหมายของกองทุนรวมวายุภักษ์กองนี้ ประกาศจะลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี และ หุ้นที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ อย่างหุ้นของ ปูนใหญ่(SCG) กัลฟ์ ปตท. หรือ เอไอเอส ซึ่งให้ผลตอบแทนดีทั้งในเรื่องของราคาหุ้น และเงินปันผล
กองทุนรวมวายุภักษ์กองนี้ มีกำหนดคลอดในราวปลายปีนี้ หรือในไตรมาสที่ 4 ของปี 67 โดยศูนย์ข้อมูล และวิจัยของธนาคารกรุงเทพ ระบุว่า เป็นกองทุนของกระทรวงการคลังที่น่าลงทุนเพราะมีการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% ส่วนขั้นสูงบอกไม่ได้ว่าจะไปเท่าไหร่
โดยรวมๆ ก็คือ เป็นกองทุนที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลประสงค์จะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยดี มีความแข็งแกร่ง ดัชนีราคาหุ้นก็ควรจะดีตามรากฐานที่กระทรวงการคลัง และรัฐบาลวางไว้
ส่วนสนนราคาของกองทุนนี้ จะกำหนดเท่าไหร่ รอดูกันอย่างใกล้ชิด เพราะจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปซื้อได้ด้วย
ปลัด ลวรณ ยังมีข้อเสนอดีๆ อีกหลายข้อให้รัฐบาลเลือกใช้ เลือกทำ โดยประชาชนคนไทยมีส่วนร่วมด้วยควบคู่กันไปเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ คือ ทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยขยายตัวดีขึ้น คนไทยมีกิน มีใช้ และ มี“รอยยิ้ม” เพิ่มขึ้น