ปิดจ๊อบ ดิจิทัลวอลเล็ต “นายกฯ อิ๊งค์” ตัดสินใจ จ่ายเงินสดแก่คนไทยคนละ 5,000 บาท ภายใต้โครงการเติมเงินในกระเป๋าคนไทยให้เสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ ตามกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 67 ส่วนอีก 5,000 บาทก้อนหลัง จะเติมให้เมื่องบประมาณรายจ่ายปี 68 ผ่านสภาเรียบร้อย อาจจะปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า

หลังจากถามกันเข้ามามากว่า เงิน 10,000 บาท จากกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) จะยังทำต่อในรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หรือไม่ คำตอบที่ได้คือ ทำต่อ ส่วนจะทำต่อในรูปแบบใด อดีตนายกฯ ทักษิณ ผู้พ่อ ให้สัมภาษณ์แทนลูกสาวว่า นโยบายนี้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการดึงเศรษฐกิจซึ่งกำลังตกต่ำอยู่ในวันนี้ให้โงหัวขึ้น 

“คำว่า ดิจิทัลวอลเล็ต มีความสำคัญใน 3 เรื่องด้วยกันก็คือ 1.กระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหัวใจสำคัญ 2.ต้องทำให้คนไทยได้เรียนรู้เทคโนโลยีด้านการเงินใหม่ และรู้เท่าทันเทคโนโลยีนี้ เพื่อโอกาสต่อไปในวันข้างหน้า แต่ความเร่งด่วนอาจจะรอได้ 3.อนาคตของ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เมื่อวางไว้แล้วในอนาคตจะใช้ประโยชน์โดยการให้ประชาชน กับรัฐบาลสามารถเชื่อมต่อกันได้ ให้ประชาชนกับรัฐบาลใช้เป็นหน้าต่างในการทำธุรกรรมระหว่างกันผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนโลกได้ อย่างไรก็ตาม ระบบการดำเนินการทั้งหมด ต้องถูกกฎหมาย ไม่ขัดแย้ง หรือทำ ให้เกิดความเห็นต่างเยอะเกินไป” 

ทักษิณ เปิดเผยด้วยว่า เวลานี้ นายกฯ แพทองธาร กับ สำนักงบประมาณ และผู้เกี่ยวข้องในฝ่ายเศรษฐกิจ กำลังดูงบประมาณรายจ่ายที่จะสามารถนำมาใช้ได้อยู่ 

เท่าที่ทราบ นายกฯ แพทองธาร เห็นด้วยว่า มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแน่นอน แต่จะต้องทำอย่างรวดเร็ว ช้าไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจไหลลงเร็ว ยิ่งไหลลงลึกเท่าไร ก็ยิ่งดึงขึ้นได้ยากเท่านั้น

...

จึงเป็นเรื่องที่ต้องเร่งวางแผนหาทางดำเนินการให้เร็ว และชัดเจน โดยคาดว่า หลังตั้งรัฐบาลได้เรียบร้อย นายกฯ แพทองธาร น่าจะดำเนินการได้ในทันที

สำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลเพื่อไทยนั้น จะได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่า งบกระตุ้นเศรษฐกิจ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจ   

งบประมาณก้อนนี้ แบ่งเป็นวงเงินตามงบประมาณรายจ่ายปี 67 รวม 165,000 ล้านบาท ซึ่งจะถือเป็นเงินก้อนแรกที่จะเติมเงินในกระเป๋าให้แก่ประชาชนคนไทยผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิกับแอป “ทางรัฐ” ไว้ราว 30-35 ล้านคน 

โดยจ่ายเป็นเงินสดให้ก่อนคนละ 5,000 บาท และประชาชนจะได้รับเงินภายในเดือน ก.ย.นี้ ตามรอบปีงบประมาณ 

ทั้งนี้ รัฐบาลนายกฯ แพทองธาร จะกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้งว่า ประชาชนผู้ขอรับสิทธิ จะสามารถรับเงินได้อย่างไร ภายใต้กฎเกณฑ์ใด จากรัฐตรงสู่มือประชาชน หรือ ผ่านระบบธนาคารพาณิชย์ โดยทางเลือกนี้ ไม่มีระบบชำระเงิน หรือ เติมเงินแบบดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง

ส่วนเงินที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง หรือ 5,000 บาทหลัง รัฐบาลจะขอใช้ระบบการชำระเงิน และเติมเงินใหม่คือ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ตามนโยบายเดิมที่มุ่งเป้าจะให้คนไทยมีโอกาสได้เรียนรู้เทคโนโลยีทางด้านการเงินที่กำลังคืบคลานเข้ามาในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม หากการใช้จ่ายภาคประชาชน ยังไม่ทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน รัฐบาลอาจจำเป็นต้องยกโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ออกไปไว้ที่อื่น หรือ เลื่อนการใช้จ่ายเงินในระบบดิจิทัลออกไป แล้วจ่ายเงินสดให้ประชาชนคนไทยจากงบประมาณรายจ่ายปี 68 ที่เตรียมไว้แล้ว 285,000 ล้านบาท เพื่อป้องกันการทรุดตัวลงอีกของเศรษฐกิจไทย

โดยเฉพาะเมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% ต่อไป โดยไม่ยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ในขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามลำดับ

วิธีการนี้ถูกต้องกฎหมาย ลดขัดแย้ง และน่าจะทำให้เกิดความเห็นต่างที่มีมากเกินไป ลดลงได้