Amazon Web Services (AWS) ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ที่ครองตลาดอันดับหนึ่งของโลก ชี้ ตลาดคลาวด์ไทยยังโตได้อีก เล็งจับลูกค้ากลุ่มโทรคมนาคมและสาธารณสุข เผย กลุ่ม “องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และ SMEs” ยังเป็นตลาดที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะองค์กรยังใช้บริการระบบเซิร์ฟเวอร์แบบดั้งเดิม รวมถึงองค์กรที่กำลังดำเนินการย้ายระบบมาอยู่บนคลาวด์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มูลค่าตลาดปี 2568 จะสูงถึง 2 พันล้านเหรียญหรือประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตลาด Generative AI ในปีนี้จะมีมูลค่าถึง 312 ล้านเหรียญ แตะหมื่นล้านบาท และจะเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ย 41.5% ต่อปีจนมีมูลค่าสูงถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
ข้อมูลจาก IDC Worldwide ICT Spending Guide ระบุว่า งบประมาณลงทุนในคลาวด์ของประเทศไทยจะคิดเป็นสัดส่วน 12% ของการใช้จ่ายด้าน IT ทั้งหมดของประเทศ ขณะที่ Frost and Sullivan บอกว่า ภายในสี่ปีข้างหน้ายอด Cloud Spending จะเติบโตขึ้นอีก 20% แตะ 4.6 พันล้านเหรียญหรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท
“การลงทุนครั้งใหญ่นี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง โดยคาดว่าจะสร้างการจ้างงานเต็มเวลากว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปีและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ GDP ของไทยประมาณ 1 หมื่นล้านเหรียญหรือราว 3.4 แสนล้านบาทต่อปี ทั้งผลกระทบโดยตรงจากการสร้างงานและการลงทุนในแง่ของทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานในไทย และจะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญให้กับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการคลาวด์” วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ AWS Thailand กล่าว
อ่านเพิ่มเติม
โดยหลังจากที่ AWS ประกาศแผนลงทุนระยะยาวในประเทศไทยมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 1.7 แสนล้านบาทเมื่อต้นปีที่ผ่านมาและได้เปิดให้บริการ AWS Region ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย โดยการดำเนินการของ AWS Region ในไทยสามารถลดความหน่วงเวลาในการประมวลผลข้อมูล ซึ่งลดลงเกือบ 3 เท่าและมีความพร้อมใช้งาน (uptime) สูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่นในตลาดจากการทดสอบ ส่งผลให้องค์กรธุรกิจที่ต้องการการประมวลผลสูงและเรียลไทม์มากขึ้นสามารถพัฒนาและให้บริการแอปพลิเคชันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วัตสัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ AWS วางกลยุทธ์การเติบโตในประเทศไทยผ่าน 5 แกนหลัก ได้แก่ การผลักดันการใช้งาน AWS Region ในประเทศไทย การเร่งสร้างคุณค่าทางธุรกิจด้วย AI และข้อมูล การขยายเครือข่ายพันธมิตร การขยายฐานลูกค้าครอบคลุมอุตสาหกรรมใหม่ๆ และการเสริมสร้างชุมชนนักพัฒนาและผู้สร้างนวัตกรรมบน AWS
โดย AWS ตั้งเป้าขยายการให้บริการจากฐานลูกค้าเดิมในภาคการเงินการธนาคาร ค้าปลีก และอุตสาหกรรมการผลิต ไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ โทรคมนาคมและสาธารณสุข และการขยายชุมชนนักพัฒนาและผู้สร้างนวัตกรรมบน AWS โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันด้าน AI ที่กำลังเป็นเทรนด์สำคัญของโลก
สำหรับแนวโน้มการใช้งาน Generative AI ในปี 2568 AWS คาดการณ์ว่าองค์กรต่างๆ จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นจากการนำ AI ไปใช้งาน โดยเฉพาะยูสเคสใหม่ ๆ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ลดต้นทุนการให้บริการ การจัดการห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -