ผู้สื่อข่าว Thairath Money เดินทางเข้าร่วมงาน “SAP NOW Southeast Asia 2024 - Accelerate to Innovate” ที่จัดขึ้นโดย “SAP” ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์บริหารจัดการองค์กรเบอร์หนึ่งของโลกเมื่อวันที่ 23-25 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมราฟเฟิลซิตี้ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อรับฟังวิสัยทัศน์ AI ล่าสุดของ SAP พร้อมอัปเดตความก้าวหน้านวัตกรรมองค์กรในช่วงปีที่ผ่านมา จากการช่วยเหลือองค์กรในอาเซียนใช้เทคโนโลยี แลกเปลี่ยนกลยุทธ์และข้อมูลเชิงลึกของการทำทรานฟอร์เมชันที่ยั่งยั่นท่ามกลางความท้าทาย จากพันธมิตรบริษัทเทคโนโลยีและองค์กรธุรกิจชั้นนำทั่วอาเซียน เพื่อร่วมผลักดันอนาคตที่เข้มแข็งของภูมิภาค
พร้อมเยี่ยมชม “SAP Experience Center Singapore” ที่เปิดตัวแห่งแรกในอาเซียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SAP Labs Network ที่กระจายอยู่ทั่วโลก
Verena Siow ประธานและกรรมการผู้จัดการ SAP Southeast Asia หญิงแกร่งแห่ง SAP ที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรธุรกิจทั้งมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ รวมถึงประเทศไทย เปิดเผยว่า “เอเชีย คือ ภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับ SAP และเป็นภูมิภาคที้สร้างรายได้ให้กับธุรกิจคลาวด์มากที่สุด”
เธอเริ่มต้นฉายภาพให้เห็นว่า ปัจจุบันบริษัทเทคโนโลยีต่างมองว่า เอเชีย โดยเฉพาะ “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” คือ ภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจโตเร็วเป็นอันดับต้นๆ โดยจะมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกรองจากอินเดียและจีนภายในปี 2030
นอกจากนี้ การเติบโตของ Digital Economy ในอาเซียนจะมีมูลค่าเติบโตสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2030 เช่นเดียวกัน อิงตามข้อมูลจาก Boston Consulting Group สะท้อนให้เห็นการเติบโตของตลาดดิจิทัลโดยรวมที่จะดึงดูดเม็ดเงิน ทั้งการลงทุนโครงสร้างและการผลักดันให้เกิดการบริโภคอันมหาศาล โดย SAP เองยังมองว่าอาเซียนมีศักยภาพและเป็นลูกค้าชั้นดี และต้องการมีส่วนในการรักษาโมเมนตัมให้กับอาเซียน เพื่อให้เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก เมื่อเห็นว่าลูกค้าและองค์กรจำนวนมากในเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการก้าวกระโดดเหนือคู่แข่ง การแข่งขันที่จะยกระดับธุรกิจด้วยเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Generative AI
SAP คือ บริษัทซอฟต์แวร์องค์กรอันดับหนึ่งที่ให้บริการโซลูชันซอฟต์แวร์ของบริษัทสำหรับธุรกิจและองค์กรทุกขนาดทั่วโลก ด้วยฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ มากกว่า 440,000 รายในกว่า 180 ประเทศ ทำให้มาร์เก็ตแชร์ชนาดใหญ่ของ SAP ในตลาดระบบหลังบ้านองค์กร ขึ้นนำเป็นอันดับหนึ่ง พูดง่ายๆ ว่าปัจจุบันองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลกพึ่งพาโซลูชันซอฟต์แวร์ รวมถึงในปัจจุบันที่หลายองค์กรพึ่งพา SAP ในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีไปอีกขั้น
สำหรับคนที่คุ้นเคยกับซอฟต์แวร์หรือระบบหลังบ้าน ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ดำเนินต่อไปนั้น อาจจะคุ้นเคยกับหลาย “โซลูชั่นของ SAP” ได้แก่ ฮีโร่โปรดักต์อย่าง SAP S/4HANA ฮีโร่โปรดักต์, SAP SuccessFactors (ซอฟต์แวร์ HR), SAP Ariba (การจัดซื้อ), SAP Concur (การจัดการการเดินทางและค่าใช้จ่ายต่างๆ ), SAP Customer Experience (CRM) SAP BTP แพลตฟอร์ม Business Intelligence รวมถึงระบบการจัดการ Supply Chain และ Cloud services
ปัจจุบันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า “Generative AI” คือหนึ่งในเทคโนโลยีที่เข้ามาปฏิวัติโลกธุรกิจอย่างรุนแรงในช่วงสองปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การปรับตัวสำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีก็เป็นไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน เราเริ่มเห็นยูสเคสที่หลากหลายมากขึ้นเกือบจะทุกภาคส่วนธุรกิจ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นฟันเฟืองหลักที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกการเปิดรับเอานวัตกรรม กระบวนการท่าการทำงานใหม่ๆ จะราบรื่นหรือเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่หรือองค์กรที่ก่อตั้งมานาน มี Legacy ของตัวเองที่จะดำเนินต่อไป การไม่ลงรอยกันในเรื่องดังกล่าวยังเป็นอุปสรรคที่องค์กรระดับโลกเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
Verena Siow ชวนผู้เข้าร่วมทุกคนมองถึงหลักการสำคัญในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี และการหาแนวทางรักษาสมดุลของหลักการเดิมด้วยแพลตฟอร์มทางธุรกิจหรือโซลูชันที่มี “Clean Core Technology” ซึ่งเป็นหลักการของ SAP ในการช่วยธุรกิจให้ปลดล็อกศักยภาพของตนเอง เพื่อให้องค์กรวิเคราะห์ได้ว่าเราจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันและในอนาคต
เธออธิบายถึงแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยีของ SAP เพื่อสนับสนุนธุกิจว่า เทคโนโลยีที่ดีไม่ได้หมายความว่าเปลี่ยนแปลงสิ่งเดิม หรือลบสิ่งเดิมออกไป
หากแต่ว่าสิ่งที่ถูกต้อง คือ การที่เครื่องมือนั้นๆ ไม่เรียกร้องให้องค์กรเปลี่ยนกระบวนการหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เป็นการลดกการปรับแต่งให้น้อยที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรจะบูรณาการและสร้างความแตกต่างให้กับตัวเองได้ ไม่ได้เพียงแค่คว้าโอกาสตามกระแส แต่องค์กรจะสามารถคว้าโอกาสและรู้จักปรับให้เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างเต็มที่เพื่อเร่งและสร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจ โดยไม่ต้องแตะส่วนดั้งเดิม
โดยเธอแนะนำทักษะและส่งต่อแนวคิดต่อผู้ที่มีบทบาทในเรื่องนี้ ตั้งแต่การความสำคัญกับระบบคลาวด์ไปจนถึงการนำ AI มาใช้เพื่อให้พร้อมสำหรับอนาคต พร้อมนำเสนอเครื่องมือต่างๆ อาทิ Digital Transformation platform “WalkeME”, “Signavio” และ “LeanIX” ตลอดจนแพลตฟอร์ม SAP Business AI และ ผู้ช่วย AI Copilot ของ SAP ที่ชื่อว่า “Joule” ตัวช่วยให้องค์กรทั่วโลกใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเดิมของ SAP ได้ดียิ่งขึ้นด้วยฟังค์ชั่นเรียกใช้คำสั่งต่างๆ อย่างอัตโนมัติ ปัจจุบัน Joule รวมอยู่ในแอปพลิเคชัน HR, ERP, บัญชี ,การขายและบริการทางการตลาด โดยหลังจากเปิดตัวมาในปี 2023 Joule ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทุกอย่างตั้งแต่การพัฒนาแอปพลิเคชันไปจนถึงการบูรณาการและการจัดการข้อมูล ผู้ใช้สามารถดำเนินงานได้เร็วขึ้น 90% และเข้าถึงเนื้อหา SAP Help Portal ได้เร็วขึ้น 95%
โดยหลังจากนี้ Joule จะขยายการให้บริการไปสู่โซลูชันการจัดการห่วงโซ่อุปทาน การวิเคราะห์ และการวางแผนผ่านการบูรณาการกับ SAP Ariba โซลูชันการจัดการห่วงโซ่อุปทานต่างๆ และ SAP Analytics Cloud ตลอดจนบูรณาการเข้ากับธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก
อ้างอิง The Vision of SAP Business AI
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney