Meta ทุ่มเงินมหาศาลใน Project Waterworth เคเบิลใต้น้ำยาวที่สุดในโลก เชื่อมโลกอินเทอร์เน็ต 5 ทวีป

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Meta ทุ่มเงินมหาศาลใน Project Waterworth เคเบิลใต้น้ำยาวที่สุดในโลก เชื่อมโลกอินเทอร์เน็ต 5 ทวีป

Date Time: 17 ก.พ. 2568 18:45 น.

Video

ลายเส้นสะท้อนตัวตนเบียร์ “The Brewing Project“ | BrandStory Special EP x เมรัยไทยแลนด์

Summary

  • Meta กำลังทุ่มทุนมหาศาลในโครงการ Project Waterworth ที่จะกลายเป็นสายเคเบิลใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก เชื่อมต่อ 5 ทวีป โดยโครงการนี้จะสร้างความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งในโลกอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งส่งผลต่อการพัฒนา AI และธุรกรรมออนไลน์ในอนาคต โดยมีอินเดียเป็นพันธมิตรหลักในการซ่อมบำรุงและสนับสนุนด้านการเงิน เตรียมส่งเสริมศูนย์ข้อมูลและบริการคลาวด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

Latest


Meta บริษัทแม่ของ Facebook, Instagram และ WhatsApp กำลังเดินหน้าขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมระดับโลกด้วยโครงการ Project Waterworth ซึ่งเป็นสายเคเบิลใต้น้ำที่คาดว่าจะมีความยาว 50,000 กิโลเมตร (31,070 ไมล์) กลายเป็นโครงข่ายใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก

สายเคเบิลนี้จะเชื่อมต่อ 5 ทวีปหลัก โดยมีจุดเชื่อมต่อที่สหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ และภูมิภาคสำคัญอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นการขยายเครือข่ายครั้งสำคัญของ Meta ในการเพิ่มขีดความสามารถของอินเทอร์เน็ตทั่วโลก

เทคโนโลยีล้ำสมัย รองรับความลึกถึง 7,000 เมตร พร้อมเทคนิคการฝังสายเคเบิลพิเศษ โดย Meta เปิดเผยว่า Project Waterworth จะใช้เทคโนโลยี 24 คู่สายไฟเบอร์ (fiber pair cables) ที่ล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน พร้อมระบบกำหนดเส้นทางแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน (first-of-its-kind routing) ทำให้สามารถวางสายเคเบิลได้ลึกถึง 7,000 เมตร (23,000 ฟุต) ใต้มหาสมุทร

นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาเทคนิคการฝังสายเคเบิลในทะเลลึก เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยทางธรรมชาติและภูมิรัฐศาสตร์ เช่น พื้นที่น้ำตื้นใกล้ชายฝั่งที่มักเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ แรงดันน้ำสูง หรือความขัดแย้งทางการเมือง

Gaya Nagarajan และ Alex-Handrah Aimé สองวิศวกรเครือข่ายของ Meta ระบุว่า Project Waterworth จะเป็นการลงทุนระดับหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ใช้เวลาดำเนินการหลายปี เพื่อสร้างโครงข่ายเชื่อมต่อระดับโลก เสริมความมั่นคงและขยายขีดความสามารถของการสื่อสารดิจิทัล รวมถึงการพัฒนา AI ที่ต้องการการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง

โครงการนี้มีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาและอินเดีย โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ร่วมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ซึ่งระบุถึงความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีใต้น้ำ โดยมีการกล่าวถึง Project Waterworth ของ Meta และบทบาทของอินเดียในการลงทุนด้านการบำรุงรักษา การซ่อมแซม และการสนับสนุนทางการเงิน สำหรับสายเคเบิลในมหาสมุทรอินเดีย

เพื่อสนับสนุนการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งในมหาสมุทรอินเดีย ผู้นำทั้งสองยินดีรับทราบถึงการประกาศของ Meta ในการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงการสายเคเบิลใต้น้ำที่จะเริ่มดำเนินการในปีนี้ อินเดียมีแผนจะลงทุนในด้านการซ่อมบำรุงและการเงินสำหรับสายเคเบิลใต้น้ำ โดยใช้ผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้

บทบาทของอินเดียในโครงการนี้ยังเกี่ยวข้องกับการเติบโตของศูนย์ข้อมูล (data center) และบริการคลาวด์ (cloud services) ซึ่งได้รับความสนใจเป็นพิเศษจาก Meta เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในตลาดอินเทอร์เน็ตที่เติบโตเร็วที่สุด

แม้ Meta จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของเส้นทางสายเคเบิลทั้งหมดและต้นทุนที่แน่ชัดหรือกรอบเวลาแล้วเสร็จ แต่มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า Project Waterworth อาจมีมูลค่าประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอาจเชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูลของ Jio ในอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ของประเทศ

การลงทุนใน Project Waterworth ถือเป็นก้าวสำคัญของ Meta หลังจากเปิดตัวโครงการ 2Africa ซึ่งเป็นสายเคเบิลใต้น้ำ 45,000 กิโลเมตร ที่เคยได้รับการคาดหมายว่าเป็นสายเคเบิลที่ยาวที่สุดในโลก โดยเชื่อมต่อ 33 ประเทศ ผ่าน 46 จุดเชื่อมต่อในแอฟริกา ยุโรป และเอเชีย

โครงการ 2Africa เป็นการร่วมทุนระหว่าง Meta และบริษัทโทรคมนาคมระดับโลก เช่น Telecom Egypt, China Mobile International, MTN GlobalConnect, Orange, STC, Vodafone และ West Indian Ocean Cable Company (WIOCC) ขณะที่ Project Waterworth ถือเป็นโครงการที่ Meta เป็นเจ้าของ 100%

โครงการ Project Waterworth ทำให้ Meta กลายเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงสุดในเครือข่ายเคเบิลใต้น้ำ โดยก่อนหน้านี้ Google เป็นบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำมากที่สุด ด้วยการถือหุ้นในโครงการต่าง ๆ ถึง 33 เส้นทาง รวมถึงโครงการที่บริษัทเป็นเจ้าของเองบางส่วน

ขณะที่ Amazon และ Microsoft แม้จะมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำ แต่ก็ยังคงอยู่ในฐานะผู้ซื้อความจุ (capacity buyers) หรือถือหุ้นเพียงบางส่วนของโครงการต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างจาก Meta ที่เริ่มดำเนินโครงการเป็นของตนเอง

การลงทุนใน Project Waterworth แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ระยะยาวของ Meta ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระดับโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ AI บริการสตรีมมิ่ง การสื่อสารดิจิทัล และการทำธุรกรรมออนไลน์ โครงการนี้ยังเป็นหมากสำคัญในเกมอำนาจของ Big Tech ที่กำลังแข่งขันกันสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อควบคุมเส้นทางข้อมูลที่สำคัญของโลก ซึ่งจะมีผลต่อทั้งเศรษฐกิจดิจิทัลและการเมืองโลกในอนาคต

ที่มา: TechCrunchDatacenterdynamics

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ