Hyundai Motor Group เผยความสำเร็จอีกขั้นในอินเดีย ตลาดรถยนต์อันดับ 3 ของโลก หลังยอดส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในอินเดียโตขึ้นต่อเนื่อง โดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ของการดำเนินงานในอินเดีย “Hyundai” บริษัทผู้ผลิตยานยนต์เจ้าใหญ่จากเกาหลีใต้ มียอดส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในอินเดียกว่า 3.6 ล้านคัน ออกสู่ 150 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
ขณะเดียวกัน Hyundai ก็สามารถตัดคู่แข่งรายใหญ่ๆ อย่าง General Motors, Ford และ Fiat ออกจากตลาดอินเดียได้ ทำให้ Hyundai สามารถก้าวขึ้นมาเบียดกับเจ้าตลาดในอินเดียอย่าง Maruti Suzuki ส่งผลให้อินเดียเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของ Hyundai ในขณะที่ตลาดใหญ่ที่สุดคืออเมริกาเหนือ
อันดับ 1 ด้านยอดขายภายในประเทศอินเดียยังคงเป็นของบริษัทผู้ผลิตรถจากญี่ปุ่นที่รวมกิจการเข้ากับบริษัทอินเดีย โดยยอดขายในไตรมาสแรก 2024 มีมากกว่า 1.6 ล้านคัน ซึ่ง Hyundai มียอดขายอยู่กว่า 5 แสนคัน และ เกีย (Kia) อีกแบรนด์ของ Hyundai Motor Group อยู่ลำดับที่ 4 ตามหลัง Tata Motor, Mahindra & Mahindra และ Toyota
จากการเติบโตที่ Hyundai เห็น จึงมีแผนเตรียมที่จะยื่น IPO ธุรกิจในอินเดียเข้าตลาด โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาได้มีการทำหนังสือชี้ชวน (Prospectus) เพื่อยื่นต่อ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อินเดีย (Securities and Exchange Board of India: SEBI)
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า Hyundai จะสามารถเพิ่มทุนได้อีกกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนั่นจะทำให้การ IPO ของครั้งนี้กลายเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในอินเดีย โดยที่ Hyundai Motor India จะมีมูลค่าตามตลาดมากกว่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความสำเร็จของ Hyundai ในอินเดีย มีผลมาจากกลยุทธ์ในการขาย ที่คอยรักษาระดับราคาให้ไม่สูงเกินไป ให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ Hyundai ยังมีแหล่งผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของตัวเองในอินเดีย ทำให้สามารถลดต้นทุนในการผลิตลงได้
จากข้อมูลในหนังสือชี้ชวนระบุว่า Hyundai สามารถผลิตชิ้นส่วนกว่า 90% ได้เองในอินเดีย และมีฮับประกอบชิ้นส่วนอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน อีกทั้งยังทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์อินเดียอีก 194 แห่งโดยตรง ซึ่งส่วนนี้ช่วยในการลดต้นทุนการผลิต และทำกำไรได้มหาศาล
นอกจากเรื่องของแหล่งผลิตและกลยุทธ์ในการขายแล้ว Hyundai ยังประสบความสำเร็จจากการพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ โดยที่เป็นผู้นำในตลาดรถแฮตช์แบ็ก และ SUV แซงหน้าแบรนด์ท้องถิ่น Maruti และผู้ผลิตจากอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งรุ่น Santros ที่เปิดตัวมาเพียง 20 เดือน ก็มียอดขายมากกว่า 1 แสนคัน
ปัจจุบัน Hyundai อินเดีย มีศูนย์บริการอยู่กว่า 1,550 แห่ง ใน 962 เมืองทั่วอินเดีย ซึ่งมากกว่าจำนวนศูนย์ของ Tata Motor และ Mahindra & Mahindra เกือบ 2 เท่า
เช่นเดียวกันกับ Kia ที่มียอดขายรถ SUV โตขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เข้ารุกตลาดอินเดียเมื่อปี 2019 โดยเมื่อปี 2023 ยอดขายของ Kia มีมากกว่า Honda และ Nissan รวมกันเสียอีก และในส่วนของการส่งออก ยอดของ Kia ตามหลังเพียง Maruti และ Hyundai
Hyundai ได้มีการลงทุนในอินเดียไปมากกว่า 3.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลในรัฐทมิฬนาดูของอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนและประกอบยานยนต์ของ Hyundai ว่าจะมีการลงทุนต่อเนื่องถึงปี 2032 อีกกว่า 2 แสนล้านรูปี หรือ 2.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังได้ลงทุนอีก 836 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการพัฒนาโรงงานเก่าของ GM ในรัฐมหาราษฏระ และถ้ารวมกำลังการผลิตของ 2 พื้นที่นี้ Hyundai จะสามารถผลิตรถได้กว่า 1.82 ล้านคัน
ความนิยมในรถ EV ในอินเดียก็มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับทั่วโลก แต่ฝั่งของ Hyundai มียอดขาย EV อยู่เพียง 2% โดยเจ้าใหญ่ในตลาด EV ของอินเดีย ตกเป็นของ Tata ที่กินสัดส่วนในตลาดอยู่มากถึง 71%
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งคู่แข่งที่น่ากลัวของทุกเจ้าในอินเดีย คือ แบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่กำลังขยายตลาดในอินเดีย อย่าง MG ของ SAIC Motor ที่ได้จับมือทำธุรกิจร่วมกับ JSW Group ในการขยายตลาด EV ไปทั่วอินเดีย และ MG ยังกินสัดส่วนในตลาดมากถึง 13%
ในขณะที่ BYD เมื่อปี 2023 สามารถทำยอดขายได้เทียบเท่ากับ Hyundai และกำลังอยู่ในช่วงเร่งเพิ่มยอดขายอย่างเต็มที่
แม้ว่าปัจจุบัน Hyundai ยังไม่มีฐานการผลิต EV ในอินเดีย รถที่ขายอยู่ ณ ตอนนี้มีรุ่น IONIQ 5 ซึ่งมาจากการนำเข้าทั้งสิ้น โดยมีแผนเปิดฐานการผลิตในปีนี้ และปีหน้าจะตามมาด้วยหารเปิดโรงงานผลิต Kia ด้วยเช่นกัน พร้อมกับย้ำจุดยืนว่า Hyundai จะส่งมอบทั้งผลิตภัณฑ์และบริการในฐานะ “แบรนด์พรีเมียม” ต่อไป.
ที่มา: Nikkei Asia, JSW, SIAM
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney