BYD บุกไทย ประกาศถือหุ้น 20% ในเรเว่ ออโตโมทีฟ ตั้งโรงงานผลิตรองรับตลาดอาเซียน

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

BYD บุกไทย ประกาศถือหุ้น 20% ในเรเว่ ออโตโมทีฟ ตั้งโรงงานผลิตรองรับตลาดอาเซียน

Date Time: 7 ก.ค. 2567 08:59 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • BYD จับมือ เรเว่ ออโตโมทีฟ เข้าร่วมทุนถือหุ้น 20% เผยเป้าหมายการเดินหน้าส่งประเทศไทยเป็น NEV Nation ผลักดันเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ BYD ที่ระยอง พร้อมเตรียมแผนเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดราคา และยืนยันที่จะเดินหน้าต่ออย่างเหมาะสมโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

Latest


BYD ประกาศเข้าถือหุ้น 20% ใน “เรเว่ ออโตโมทีฟ” ร่วมกันนำเอาความเชี่ยวชาญมาเพิ่มศักยภาพในสินค้า บริการ และมาร่วมสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับความพึงพอใจให้กับลูกค้า พร้อมเร่งเดินหน้าส่งเสริมประเทศไทยสู่การเป็น “NEV Nation” 

หลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายของ BYD Asia Pacific กล่าวว่า “จากการที่มีโอกาสได้มาลงพื้นที่ของไทย เราเห็นว่าความนิยมของการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีมากขึ้น และตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ BYD ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยผ่านความร่วมมือกับ เรเว่ ออโตโมทีฟ ก็พบว่า ศักยภาพของตลาดไทยดีมาก มียอดขายรถยนต์ได้กว่า 50,000 คัน และผู้บริโภคมีการตอบรับเป็นอย่างดี จึงช่วยส่งเสริมให้เรากลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดเป็นความร่วมมือในครั้งนี้ ที่ทาง BYD จะเข้ามาร่วมทุนกับ เรเว่ ออโตโมทีฟ เพื่อช่วยกันผลักดันให้ตลาดยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่เติบโตต่อไป”

ประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “เป็นเวลาหลายปีที่เราได้ศึกษาตลาดและพบว่า กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกมีการปรับเข้าหาการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า และเราเห็นว่าเทรนด์นี้ก็จะเข้าสู่ประเทศไทยเช่นกัน จึงเกิดเป็นเรเว่ ออโตโมทีฟ และกลุ่มเรเว่ขึ้นมา โดยได้ร่วมมือกับ BYD ซึ่งถือว่าเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพ ด้วยผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีทันสมัยที่หลากหลาย ทำให้ความร่วมมือนี้เดินทางมาสู่การจับมือร่วมทุน และเป้าหมายสำคัญที่เรามีร่วมกันคือ การส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าด้วยคุณภาพที่ดี และราคาเข้าถึงได้ อีกทั้งเราจะมุ่งมั่นเดินหน้าผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น NEV Nation ต่อไป”

การร่วมทุนในครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทจะเดินหน้าต่อไป โดยมีทาง BYD เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และในฝั่งของเรเว่ ออโตโมทีฟ ก็จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายทั้งยานยนต์ อะไหล่ ทำการตลาด และส่งมอบบริการที่มีคุณภาพ ตลอดจนบริการหลังการขายให้กับลูกค้า BYD ทุกคน

อย่างไรก็ตาม ในการเข้ามาถือหุ้นร่วมกับทางเรเว่ ออโตโมทีฟ ทาง BYD ยังอยู่ในช่วงพิจารณาคัดเลือกบริษัทในเครือที่เหมาะสม

ทำไม BYD ถึงเลือก “ไทย” เป็นฐานการผลิตใหม่?

จากการยอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และความนิยมในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมากขึ้น ส่งผลให้ ทาง BYD ได้มีการมาลงทุนเปิดโรงงาน BYD ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้การลงทุนของ BYD 100% ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง โดยโรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาเพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน 

โรงงานแห่งนี้จะมีไลน์การทำงานที่ครอบคลุม 4 ขั้นตอนการผลิตยานยนต์ ได้แก่ การขึ้นรูป การเชื่อม การทำสี และการประกอบ มีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 150,000 คันต่อปี ซึ่งจะทำการผลิตรถยนต์อยู่ 4 รุ่น ได้แก่ BYD DOLPHIN, BYD ATTO 3, BYD SEAL และ BYD SEALION 6 อีกทั้งยังสามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญอย่างแบตเตอรี่และระบบส่งกำลังได้อีกด้วย

และภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โรงงานแห่งนี้จะเริ่มต้นผลิต BYD DOLPHIN เป็นรุ่นแรก ด้าน หลี่ เฉียน เลขานุการคณะกรรมการฯ และผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการลงทุนของ BYD กล่าวว่า “ด้วยกระแสการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่มาแรงในขณะนี้ บวกกับนโยบายที่สนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้ผลตอบรับกับผลิตภัณฑ์ของ BYD เป็นไปอย่างน่ายินดีมาโดยตลอด และการเปิดโรงงานเป็นฐานการผลิตใหม่ อีกทั้งการจับมือร่วมทุนกับ เรเว่ ออโตโมทีฟ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น สามารถเพิ่มกำลังในการผลิตในไทย อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้แบรนดิ้งของ BYD แข็งแรง และมียอดขายเติบโตขึ้นในอนาคต”

ประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “จากภาพรวมตลาดยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ทั่วโลก ปัจจุบันเติบโตขึ้นมา 35% ในขณะที่ในประเทศไทยเองก็เติบโตขึ้นมา 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จนนำไปสู่การก่อตั้งโรงงานผลิต BYD แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และความร่วมมือในการร่วมทุนครั้งนี้ ซึ่งทางกลุ่มเรเว่เองก็ยินดีอย่างมากที่จะได้ต่อยอดความร่วมมือไปอีกขั้น และพร้อมจะเป็นผู้นำในการส่งออกยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ออกสู่ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนต่อไป”

ปัจจุบัน BYD มีส่วนแบ่งในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าของไทยอยู่ที่ประมาณ 46% และยังเป็นบริษัทผู้จำหน่ายยานยนต์ส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับที่ 3 ในไทย

ประเด็นปัญหา “ลดราคา” จนกระทบผู้บริโภค


จากปัญหาที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมากกับการทำ “สงครามราคา” ของ BYD ที่ได้ลดราคารถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องจนสร้างผลกระทบให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าประเภทเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ในช่วงแรกที่ได้มาในราคาสูง เกิดความไม่พอใจ เนื่องจากลูกค้าที่ซื้อทีหลังได้สินค้าในราคาที่ถูกกว่า 

โดยทางผู้บริหารได้ชี้แจงในประเด็นนี้ว่า 

“ในช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในเรื่องต้นทุน และเป้าหมายหลักของทั้งสองบริษัท คือ การส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ให้กับผู้บริโภคทุกคน และการปรับราคาในแต่ละครั้งเรามีที่มาที่ไป ยกตัวอย่างความแตกต่าง เช่น เรเว่แคร์ ที่ผู้ซื้อรุ่นหลังอาจจะได้ในรูปแบบที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า หรืออาจจะมีการปรับเปลี่ยนในด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถปรับราคามาอยู่ในจุดที่เหมาะสม และลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงยืนยันว่าไม่ได้มีการลดสเปกสินค้าลง” ประธานวงศ์ พรประภา กล่าว 

ด้าน หลิว เสวียเลี่ยง กล่าวถึงกรณีนี้ว่า “การมาตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย จะช่วยลดต้นทุนทั้งในด้านการผลิตและการนำเข้า โดย BYD มองว่า เป็นกลไกตลาดตามธรรมชาติ ที่เมื่อต้นทุนลด ราคาสินค้าก็ลดตาม”

สำหรับนโยบายการตั้งราคาของ BYD ในประเทศไทย ทางเรเว่ ออโตโมทีฟ ได้มีการใช้ One Price Policy หรือ ตั้งราคาเดียวกันทั้งประเทศ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย 

ประธานวงศ์ พรประภา กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับข้อดีคือ การให้เกียรติลูกค้า และเมื่อมีการใช้ราคาเดียวกันทั่วประเทศ เวลาจะปรับราคาจึงจะต้องมีการประกาศออกมาอย่างโจ่งแจ้งให้ทุกพื้นที่ได้ทราบ ขณะเดียวกันกับเจ้าอื่น ที่ปัจจุบันเชื่อว่ามีการลดราคาสินค้าเช่นกัน แต่อาจจะไม่ได้มีการประกาศปรับราคาออกไปเหมือนที่เราทำ จึงส่งผลให้ลูกค้าของเราที่ซื้อสินค้าไปก่อนหน้านั้นเกิดความไม่พอใจและบางรายได้รับผลกระทบ” 

“และถึงแม้ว่ายอดขายของ BYD จะเติบโตต่อเนื่อง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับผู้จำหน่ายยานยนต์ทุกเจ้า ดังนั้น มันจึงขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละแห่งว่าจะปรับอย่างไร หรือดำเนินการอย่างไรเพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้” 

ต้นทุนถูกลง ประโยชน์เป็นของลูกค้าใหม่ แล้วลูกค้าเก่าจะเยียวยาอย่างไร? 


หลิว เสวียเลี่ยง ได้กล่าวถึงแนวทางการเยียวยาไว้ว่า “BYD จะไม่มีวันทิ้งลูกค้า ทั้งคนเก่าและคนใหม่ไว้ข้างหลัง ในขณะนี้ทาง BYD กำลังอยู่ในช่วงการดำเนินการพิจารณาแนวทางการเยียวยาที่เหมาะสมร่วมกับกลุ่มเรเว่ และดีลเลอร์รายอื่นๆ เพื่อวางแผนและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด”

นอกจากนี้ ทาง BYD ยังยืนยันอีกว่า ในอนาคตจะมีการวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับคนไทยในทุกๆ ด้านมากขึ้น และจะรับฟังเสียงจากลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อนำมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการต่อไป

ขณะที่ทาง ประธานวงศ์ พรประภา ก็ได้ยืนยันถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าว่า “เนื่องจากที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันแรกรูปแบบและแนวทางในการจำหน่ายรถออกมีหลากหลาย เกิดความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้แผนการของเราจะต้องรอบคอบ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหากับลูกค้าทุกคนได้อย่างเหมาะสม”

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเราจะมีนโยบายการตั้งราคาสินค้าที่เหมาะสมกับตลาดนั้นๆ ต่อไป แต่อาจจะต้องมาพิจารณาในเรื่องความถี่การของปรับเปลี่ยนที่จะต้องให้เหมาะสมมากขึ้น” ประธานวงศ์ พรประภา กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์