บิ๊กเทค เล็งลงทุน พลังงานนิวเคลียร์ รับการเติบโต AI และ Data Center ที่ทำให้โลกต้องใช้ไฟฟ้าอีกเยอะ

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

บิ๊กเทค เล็งลงทุน พลังงานนิวเคลียร์ รับการเติบโต AI และ Data Center ที่ทำให้โลกต้องใช้ไฟฟ้าอีกเยอะ

Date Time: 18 มิ.ย. 2567 12:43 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ระดับโลก เล็งลงทุนใน "พลังงานนิวเคลียร์" มองเป็นพลังงานสะอาด แต่ปฏิเสธที่จะลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เนื่องจากโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิมสร้างมลพิษ ในขณะที่โรงไฟฟ้าแบบใหม่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และใช้เงินลงทุนมหาศาล

Latest


บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ระดับโลก อย่าง Microsoft และ Google กำลังสนใจใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานให้กับ Data Centers ที่กำลังเติบโตในทั่วโลก เนื่องจากมีการใช้พลังงานปริมาณมาก

จากการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเพิ่มฐานตั้ง Data Center ของบิ๊กเทคต่างๆ ส่งผลให้มีการใช้พลังงานในปริมาณมาก ซึ่งหากเทียบปริมาณการใช้พลังงาน พบว่า Data Center 1 แห่งใช้พลังงาน 10-50 เท่าของออฟฟิศหนึ่งชั้นในตึกสำนักงาน และ Data Center ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ใช้พลังงานเทียบเท่ากับบ้าน 80,000 หลัง

ฝั่งบิ๊กเทคจึงเล็งเป้าไปที่ พลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งจริงๆ แล้วพลังงานนี้เป็นพลังงานสะอาด เพราะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนด์ไดออกไซด์เกือบเท่ากับศูนย์ แต่สิ่งที่ทำให้เกิดข้อกังวลคือ กระบวนการทำงานของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่สร้างมลพิษ

บิ๊กเทคเลือกที่จะลงทุนใน “พลังงานสะอาด” ที่มีอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องการที่จะสร้างหรือลงทุนเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เนื่องจากการสร้างโรงไฟฟ้าแต่ละครั้งจะต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล และมีความเสี่ยง

ประเด็นเรื่องความสนใจพลังงานนิวเคลียร์ ถูกนำออกมาพูดถึงอีกครั้ง หลัง Bill Gates ประกาศว่า เขาพร้อมที่จะลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์รุ่นใหม่ในรัฐไวโอมิง ดำเนินการโดย TerraPower LLC หนึ่งในสตาร์ทอัพที่ Bill Gates และ Co-Founder ของ Microsoft ได้ร่วมลงทุนไว้แล้วก่อนหน้า 

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในไวโอมิงของ TerraPower กำลังอยู่ในช่วงการก่อสร้างและตั้งเป้าจะให้เสร็จภายใน 2030 ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดการไป 2 ปี ในขณะที่โรงไฟฟ้าในจอร์เจีย อย่าง Sounthern Co. โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ของสหรัฐฯ สร้างเสร็จไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเสร็จช้ากว่ากำหนดถึง 7 ปี และใช้งบประมาณเกินกว่ากำหนดกว่า 150%

นอกจากนี้ยังพบว่ามีบริษัทอีกหลายแห่งที่ต้องการจะพัฒนาโรงไฟฟ้าแบบใหม่ แต่ยังมีความท้าทายในด้านต้นทุนที่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อมาพัฒนาเทคโนโลยี ตั้งแต่ขั้นของ R&D ไปจนถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า.


อ้างอิง: Bloomberg (1), (2)

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์