โตแรงเกินต้องโดน!! สหรัฐฯ เล็งสอบสวน OpenAI-Microsoft-Nvidia มีอำนาจเกินไป หวั่นผูกขาดตลาด AI

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

โตแรงเกินต้องโดน!! สหรัฐฯ เล็งสอบสวน OpenAI-Microsoft-Nvidia มีอำนาจเกินไป หวั่นผูกขาดตลาด AI

Date Time: 7 มิ.ย. 2567 19:00 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • สำนักงานคณะกรรมการการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ เอฟทีซี และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เตรียมสอบสวน Microsoft, OpenAI และ Nvidia สามเจ้าใหญ่ในตลาด AI และชิป หลังพบพนักงานออกมาเตือนถึงการปฏิบัติงานของผู้พัฒนา AI ที่บกพร่องในด้านการกำกับดูแล และพบว่าบริษัทเหล่านี้มีอำนาจ จนอาจเกิดการผูกขาดในอุตสาหกรรม AI

Latest


สำนักงานคณะกรรมการการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FTC และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เตรียมสอบสวน Microsoft, OpenAI และ Nvidia หลังพบมีอำนาจและอาจเกิดการผูกขาดในอุตสาหกรรม AI

ทางเอฟทีซีจะเป็นผู้ตรวจสอบ Microsoft และ OpenAI ส่วนฝั่งกระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้สอบ Nvidia มุ่งเป้าไปที่กระบวนการการดำเนินการของทั้ง 3 บริษัท 

สำหรับสตาร์ทอัพอย่าง OpenAI และ Anthropic ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT และแชตบอต Claude ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และยังเป็นเจ้าใหญ่ในตลาด Generative AI ในส่วนของบิ๊กเทคอย่าง Google, Microsoft, Amazon และ Meta ก็เป็นองค์กรใหญ่ระดับโลกที่รุกตลาด AI อีกทั้งยังมีการแข่งขันกันเองสูงมาก เพื่อที่จะก้าวขึ้นไปเป็นลำดับต้นๆ ในตลาดโลก จนทำให้มีการคาดการณ์ว่า ตลาด Generative AI จะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2032

Microsoft ได้เข้าไปลงทุนใน OpenAI เมื่อปี 2019 ทุ่มเงินไปกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดึงโมเดลของ OpenAI มาพัฒนา Copilot แชตบอตของตัวเอง พร้อมกับพัฒนาโมเดล Open-Source บนคลาวด์ Azure

การลงทุนในธุรกิจ AI มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยเม็ดเงินมหาศาล เนื่องจากการพัฒนาและเทรน AI แต่ละครั้งต้องใช้งานชิปเฉพาะทางที่ใหม่และทันสมัยจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ชิปเหล่านี้เป็นของ Nvidia ซึ่งทาง Meta ก็เคยออกมากล่าวว่า ได้ใช้งานชิปประมวลผลกราฟิก หรือ GPU ของ Nvidia เพื่อเทรน Llama เช่นกัน

จากความต้องการและจำนวนการใช้ชิปที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ของผู้ผลิตชิป Nvidia เพิ่มขึ้นกว่า 250%

ในส่วนของการตรวจสอบการผูกขาด เกิดขึ้นหลังจากพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานของ OpenAI และ Google DeepMind ได้ออกมาเขียนจดหมายเปิดผนึก และเผยแพร่ออกมา เพื่อเตือนถึงอันตรายของ Generative AI ที่ถึงแม้ว่าบริษัทผู้พัฒนาจะมีนโยบายในการกำกับดูแล แต่ก็ยังหละหลวมและไม่จริงจังในการจัดการคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสม พร้อมกับยกประเด็นการปิดกั้นที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงกับพนักงาน

บทความที่เกี่ยวข้อง:

ข้อความในจดหมายกล่าวว่า “บริษัทผู้พัฒนา AI มีเรื่องของแรงจูงใจทางการเงินในการหลีกเลี่ยงการกำกับดูแลที่เหมาะสม และพวกเราไม่เชื่อว่าโครงสร้างด้านการกำกับดูแลขององค์กรเหล่านี้ มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะเปลี่ยนเรื่องแบบนี้ได้” พร้อมกับเขียนถึงการทำงานของบริษัทว่า “มีการกำกับดูแลที่อ่อนแอเกินกว่าจะเปิดเผยข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพและข้อจำกัดของระบบ AI ต่อรัฐบาล และเป็นเรื่องยากที่บริษัทเหล่านี้จะเปิดเผยข้อมูลที่น่าเชื่อถือออกมาอย่างสมัครใจ”

นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้ต้องมีการสอบสวน มาจากเอฟทีซีที่ต้องการจะจัดการกับธุรกิจที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรม AI ทั้ง Amazon, Alphabet, Microsoft, Anthropic และ OpenAI

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ลีนา คาน ประธานคณะกรรมาธิการของเอฟทีซี ได้ประกาศถึงเรื่องการสอบสวน ในระหว่างงานประชุมด้านเทคโนโลยี AI โดยอธิบายว่า “เป็นการสอบสวนในเรื่องการลงทุนและความร่วมมือระหว่างผู้พัฒนา AI และผู้ให้บริการคลาวด์”

ในการสอบ ทางเอฟทีซีจะมีอำนาจในการตรวจสอบบริษัทผู้พัฒนา AI โดยจะสามารถขอเอกสาร หรือข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงกับทางบริษัท ไม่จำเป็นจะต้องผ่านขั้นตอนตามกฎหมายอื่นๆ 

ลีนา คาน กล่าวว่า “จะไม่มีข้อยกเว้นทางกฎหมายใดๆ ในเรื่อง AI ทั้งสิ้น เราจะตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้บริษัทเหล่านี้ใช้อำนาจขัดขวางคนอื่น หรือใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ ต่อสาธารณชน”

อย่างไรก็ตาม ทั้ง OpenAI, Nvidia และ Microsoft ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ กับข่าวนี้


อ้างอิง: CNBC


ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์