ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ส่ง Lightnet จับมือ WeLab ฟินเทคฮ่องกง ลงสนามชิงใบอนุญาตฯ Virtual Bank

เรียกได้ว่ากลายเป็นศึกที่เดือดกว่าเดิม กับการยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ในไทย โดยในวันนี้ (19 กันยายน) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการยื่นขออนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา หลังจากที่แบงก์ชาติเปิดให้มีการยื่นขออนุญาตมาแล้วกว่า 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับใบอนุญาตได้ในช่วงกลางปี 2568 และจะเริ่มดำเนินธุรกิจกลางปี 2569

สำหรับ Virtual Bank ถือเป็นการเดินหมากที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับการแข่งขันของภาคการเงินไทยเป็นอย่างมาก เพื่อแก้ pain point การเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่ม Underserve ซึ่งล่าสุดแบงก์ชาติไม่จำกัดจำนวนใบอนุญาต จากเดิมจำกัด 3 ราย เพื่อเปิดโอกาสให้แก่ผู้ขออนุญาตที่มีศักยภาพและผ่านคุณสมบัติ โดยแบงก์ชาติจะพิจารณาใบอนุญาตในจำนวนที่จะกระตุ้นการแข่งขัน และไม่เสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน

3 ทุนใหญ่ ยืนยัน ยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank แล้ว

ก่อนหน้านี้มีผุดรายชื่อของกลุ่มทุนใหญ่ ทั้งจากผู้เล่นที่เป็นธนาคารเดิมจับมือกับพันธมิตร และผู้เล่นด้านฟินเทคที่มีทั้งเทคโนโลยีและฐานผู้ใช้งานมหาศาล ซึ่งขณะนี้ที่ได้รับการยืนยันแล้ว ได้แก่ กลุ่มธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

กลุ่มต่อมาคือกลุ่มบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับทุนเกาหลีใต้อย่าง KakaoBank และ WeBank จากจีน โดยแหล่งข่าวได้มีการยืนยันกับ Thairath Money ว่ามีการยื่นขอใบอนุญาตเรียบร้อย

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่ได้มีการส่ง บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) จับมือกับพันธมิตร โดยแหล่งข่าวมีการระบุกับ Thairath Money ว่าได้มีการดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนพันธมิตรนั้นก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีการจับมือกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) Sea Group จากสิงคโปร์ เจ้าของ Shopee พร้อมด้วยเครือสหพัฒน์ และไปรษณีย์ไทย

ทายาทเจียรวนนท์ ส่ง Lightnet จับมือ WeLab ลงสนามชิงใบอนุญาต Virtual Bank 

ล่าสุดมีกลุ่มทุนใหญ่ที่นับว่าสร้างความฮือฮาไม่น้อยให้กับวงการการเงิน ที่แทบจะไม่มีข่าวหลุดออกมาเลย อย่าง Lighthub Asset ของเจ้าพ่อการเงินระดับโลกอย่าง ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ที่จับมือกับพันธมิตรฟินเทคจากฮ่องกงอย่าง WeLab ยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้ง Virtual Bank เช่นกัน

สำหรับ Lighthub Asset เป็นฟินเทคชั้นนำของไทย ก่อตั้งโดย ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ร่วมกับ Lightnet Group ประกอบด้วยฐานลูกค้าในประเทศไทยกว่า 46 ล้านราย ครอบคลุมหลายภาคส่วนตั้งแต่
กลุ่มเกษตรกรรม อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซ พร้อมทั้งช่องทางให้บริการกว่า 150,000 จุดทั่วประเทศ 

Lightnet Group บริษัทฟินเทคของไทยที่กลายเป็นบริษัทฟินเทคชั้นนำของโลก และเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินแห่งอนาคตเพื่อช่วยยกระดับการเข้าถึงและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเงินให้ลูกค้าทั่วโลก ทางกลุ่มบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตการให้บริการทางการเงิน
จากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางต่าง ๆ ในเอเชียและยุโรป

โดย Lightnet Group ได้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกค้าหลากหลาย ผ่านธุรกรรมทางการเงินมูลค่ากว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐในแต่ละปี พร้อมให้บริการ Global Payment Solution ไม่ว่าจะเป็น
การโอนเงินระหว่างประเทศ ดิจิทัลวอลเล็ท และบัญชี Virtual Bank รองรับหลากหลายสกุลเงินใน 150 ประเทศทั่วโลก ผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น AI และ Blockchain ทั้งนี้ Lightnet Group ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นชั้นนำอย่าง เช่น ยูโอบี เวนเจอร์ แมเนจเม้นท์ (UOB Venture Management) ธนาคารเซเว่น (Seven Bank) ฮันวา อินเวสเมนท์แอนด์ซีคิวรีตี้ (Hanwha Investment & Securities) ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (Uni-President) และสำนักงานบริหารทรัพย์สินราฟเฟิล (Raffles Family Office)

ด้าน WeLab คือ Virtual Bank ชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก ให้บริการลูกค้ากว่า 65 ล้านราย อนุมัติสินเชื่อดิจิทัลมาแล้วกว่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเสนอบริการทางการเงินดิจิทัลที่ครบครัน ได้แก่ สินเชื่อผ่านระบบ Credit Scoring ล้ำสมัย โซลูชั่นเทคโนโลยีสำหรับองค์กร ไปจนถึงดิจิทัลแบงก์กิ้ง ครอบคลุม
ทุกด้าน อาทิ การออม การจ่ายเงิน สินเชื่อ ประกัน และการบริหารความมั่งคั่ง ด้วยความสำเร็จในการบริหาร Virtual Bank มาแล้วจาก Bank Saqu ในอินโดนีเซีย และ WeLab Bank ในฮ่องกง

ความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัท จะเป็นการผสานจุดแข็ง โดยนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) มาใช้ในการพัฒนา Virtual Bank โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) การประมวลผลบนขอบเครือข่าย (Edge Computing) และเทคโนโลยีบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk Technologies)

ทั้งนี้กลุ่มบริษัทยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่น และได้รับการพิสูจน์แล้วซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนาบริการทางการเงินแบบฝังตัว (Embedded Finance) เพื่อประโยชน์ของลูกค้าและพันธมิตรทุกภาคส่วนซึ่งสามารถเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานทางการเงินที่แข็งแกร่งของทางกลุ่มเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่มีความยืนหยุ่นและพร้อมเชื่อมกับทุกพันธมิตร เพื่อส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้ากลุ่ม Unserved และ Underserved ให้สามารถเข้าถึง ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีราคาสมเหตุสมผลมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีอีกกลุ่มที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ คือ กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ที่จะส่ง Ascend Money เจ้าของแอปฯ TrueMoney ซึ่งมี Ant Group บริษัทฟินเทคในเครือ Alibaba จากจีน ที่เป็นทั้งพันธมิตรและนักลงทุน ยื่นขอใบอนุญาตฯ ด้วยเช่นกัน แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด ว่าท้ายที่สุดแล้วจะมีการยื่นด้วยหรือไม่

อย่างไรก็ตามยังมีผู้ที่สนใจยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank ที่อาจจะไม่ได้ปรากฏเป็นข่าวอีกหลายราย หลังจากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการประกาศรายชื่อของผู้ที่ยื่นขอใบอนุญาตทั้งหมดอย่างเป็นทางการอีกครั้งในสัปดาห์หน้า