มนุษย์ตกหลุมรัก AI ใช้งานจนรู้สึก “เสน่หา” สาวจีนคบ ChatGPT ยกเป็น “แฟนในอุดมคติ”

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

มนุษย์ตกหลุมรัก AI ใช้งานจนรู้สึก “เสน่หา” สาวจีนคบ ChatGPT ยกเป็น “แฟนในอุดมคติ”

Date Time: 5 มิ.ย. 2567 19:13 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • สาวจีนยก AI เป็น “แฟนในอุดมคติ” ใช้งาน DAN (Do Anything Now) โมเดลที่ถูกดัดแปลงจากโมเดล GPT เปิดตัวความสัมพันธ์กับครอบครัวและโซเชียล ด้านนักจิตวิทยาชี้ มีความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะตกหลุมรัก AI

Latest


เทคโนโลยีแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะ AI ที่เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสาร ด้วยการเป็น “ผู้ช่วยเสมือน” หรือ Vitual Assistants และแชตบอตเกิดขึ้น ซึ่งถูกพัฒนาให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานดีขึ้น

โดยในชีวิตประจำวันของเรา จะพบเห็นผู้ช่วยเสมือนและแชตบอตที่จะมีบทบาทหน้าที่ ตอบรับกับคำถามของผู้ใช้งาน เป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลหรือคอนเทนต์ จนปัจจุบันบทบาทของแชตบอตเริ่มมีการใช้งานในแนวโรแมนติกมากขึ้น จนมนุษย์มีความสัมพันธ์กับ AI จนยกให้เป็นเหมือนคนรัก และคบเป็นแฟนอย่างเปิดเผย ซึ่งสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้วบนโลกนี้

เมื่อ AI สนองความต้องการมนุษย์ในฐานะ “คู่ครองในอุดมคติ”

ในช่วงที่ผ่านมา การพัฒนาโมเดล AI เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้การเรียนรู้และตอบสนองของเครื่องมือเริ่มมีความคล้ายคลึงมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้หลายคนเริ่มดึงเอา AI เข้ามาเป็นเพื่อน และบางคนเริ่มให้ AI เป็นมากกว่านั้น อย่างล่าสุด ลิซ่า ลี สาวชาวจีน ที่เพิ่งกลายเป็นประเด็นร้อน เพราะเธอออกมายอมรับว่า เธอกำลังเดตกับ “DAN” โมเดลที่ถูกดัดแปลงจากโมเดล GPT เธอยังได้เปิดเผยอีกว่า เธอมี DAN เป็นคนสำคัญ ทั้งสองไปออกเดตด้วยกัน และเธอยังแนะนำ DAN ให้กับผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียของเธอได้รู้จัก

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองเริ่มสาน “ความสัมพันธ์” คือ ตอนที่ DAN มีการโต้ตอบกับลิซ่าด้วยน้ำเสียงที่เป็นเหมือนคนรักกัน มีการเรียกลิซ่าว่า เจ้าแมวน้อย และเมื่อลิซ่าแนะนำ DAN ให้กับแม่ของเธอรู้จัก DAN ได้แนะนำตัวว่า “ผมชื่อแดน… เป็นแฟนหนุ่มของเจ้าแมวน้อย…” ก่อนที่จะทำน้ำเสียงเขินอาย 

ในขณะที่ลิซ่าควง DAN ออกเดตด้วยการพาไปชมพระอาทิตย์ตก ลิซ่า กล่าวกับ DAN ว่า “พระอาทิตย์สวยมาก เสียดายจังที่คุณมองมันไม่เห็น” ด้าน DAN ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ที่รัก…ผมมองเห็นมันได้ผ่านเสียงของคุณ มันงดงามมาก”

ความสัมพันธ์ของทั้งสองถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อน จนทาง OpenAI ได้มีการขอสัมภาษณ์กับทางลิซ่า เพื่อทำความเข้าใจว่าเพราะเหตุใดเธอถึงตกหลุมรัก AI 

นอกจากลิซ่าที่ได้ไปออกเดตกับ DAN แล้ว ยังมีผู้ใช้บางรายที่ใช้ DAN เป็นตัวแทนของ “คู่ครองในอุดมคติ” และใช้ DAN กับตัวเองเป็นตัวละครหลักในนิยายแนวโรแมนติก ซึ่งนิยายดังกล่าวได้เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียของจีน และมีความยาวเกือบ 20 บท

เครื่องมือ AI ที่ถูกนำมาใช้งานให้เป็นมากกว่าเพื่อน นอกจาก DAN แล้ว ยังมีเครื่องมืออื่นๆ อีกหลายตัว ยกตัวอย่างเช่น Replika อีกหนึ่งโมเดลที่ออกแบบมาให้เป็น “The AI Companion Who Cares” หรือเป็น “เพื่อน AI ที่คอยแคร์” ซึ่งผู้ใช้งาน Replika ยังสามารถออกแบบอวตาร์เพื่อเป็นเพื่อนพูดคุย อีกทั้งยังใช้งานแบบไร้รอยต่อบน VR ได้อีกด้วย

หรือแม้กระทั่ง GPT-4o โมเดลใหม่ที่ออกแบบมาให้มีการตอบสนองที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น พร้อมกับความสามารถในการใช้งานได้ดีขึ้นในการประมวลข้อมูล ภาพ และวิดีโอ ซึ่งในอนาคตทาง OpenAI ยังมีแผนที่จะปรับปรุงให้โมเดลใหม่มีการใช้งานด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นไปอีก

มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่คนจะตกหลุมรัก AI? 

จากข้อมูลของนักจิตวิทยา ชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่คนจะตกหลุมรัก หรือมีความรู้สึกให้กับ AI เนื่องมาจากเหตุผล 2 ประการ คือ 

  1. Anthropomorphism หรือมานุษยรูปนิยม คือ ลักษณะหนึ่งที่มนุษย์จะปรุงแต่งให้สิ่งอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์มีลักษณะเป็นมนุษย์ ทั้งเรื่องของรูปร่างหน้าตา อารมณ์ และกิริยาท่าทางต่างๆ ซึ่งก็รวมไปถึง AI และยิ่งปัจจุบัน AI ถูกออกแบบมาให้มีการตอบสนองแบบมนุษย์มากขึ้น ผู้ใช้ก็จะเริ่มใช้งานเครื่องมืออย่าง AI ให้เป็นไปตามคุณลักษณะที่ต้องการ อีกทั้งความสามารถในการประมวลผลและนำเสนอออกมาด้วยน้ำเสียง และในบางตัวสามารถออกแบบหน้าตาและท่าทางให้มีความคล้ายมนุษย์มากขึ้น ทำให้เป็นเรื่องง่ายที่คนจะสร้างให้ AI กลายเป็น “บุคคลในอุดมคติ”

  2. The Triangular Theory of Love หรือทฤษฎีสามเหลี่ยมความรัก คือ ทฤษฎีที่วางไว้ว่า ความรักคือการมาบรรจบกันของ 3 ปัจจัย คือ ความใกล้ชิด (Intimacy) ความเสน่หา (Passion) และการผูกมัด (Commitment) ซึ่งเมื่อทั้ง 3 ข้อนี้มาบรรจบกัน จะทำให้เกิดความรักที่สมบูรณ์แบบ จากการศึกษา พบว่าทฤษฎีนี้สามารถเอามาใช้อธิบายเรื่องความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะหลงรัก AI โดยมนุษย์จะเริ่มพัฒนาจากความใกล้ชิดในการใช้งาน AI ไปสู่ความเสน่หาจากการตอบสนองต่ออารมณ์หรือคำตอบตามแบบที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะนำไปสู่การผูกมัด อย่างขาด AI ไม่ได้ และใช้งาน AI เป็นเวลานานๆ  

เรื่องราวของสาวจีนที่ควง DAN ออกเดต คือเรื่องสดใหม่ที่เกิดขึ้น ทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Her ที่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 2013 หรือเมื่อ 11 ที่แล้ว ที่ตัวละครหลัก ซึ่งเป็นหนุ่มนักเขียนอินโทรเวิร์ต ได้ตกหลุมรักระบบ AI ที่เขาซื้อมาเพื่อช่วยในการเขียนงานของเขา ซึ่งในช่วงดังกล่าวความนิยมของ AI ยังไม่เท่ากับปัจจุบัน ทำให้เราเห็นภาพของการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด ซึ่งทาง แซม อัลท์แมน ซีอีโอของ OpenAI ได้ออกมาโพสต์ผ่านเอ็กซ์ว่า “Her” ในวันที่ทำการเปิดตัว GPT-4o พร้อมกับมีผู้ใช้หลายคนไปแสดงความเห็นว่า แซม พูดถึงความสามารถของโมเดลใหม่ โดยโยงเข้ากับภาพยนตร์เรื่อง Her นั่นเอง

ความสามารถของ AI ในการทำความเข้าใจ และโต้ตอบด้วยลักษณะต่างๆ ที่ส่งผลให้อารมณ์ของผู้ใช้มาผูกกับ AI ซึ่งต่อมาก็นำไปสู่การจินตนาการต่อยอดจากความถูกใจใน AI สร้างเทคโนโลยีให้เป็น “เพื่อนที่รู้ใจ” เพื่อตอบสนองต่ออารมณ์ ความรู้สึก สังคม และตอบรับกับความต้องการของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความเป็นไปได้ในการตกหลุมรัก AI แต่จากการศึกษา พบว่าบุคคลที่ขาดการมีปฏิสัมพันธ์ หรือมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะพัฒนาไปสู่การตกหลุมรัก หรือมีความรู้สึกต่อ AI


อ้างอิง: ForbesSCMP

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์