AWS (Amazon Web Service) ผู้ให้บริการระบบคลาวด์อันดับหนึ่งที่ถูกใช้มากที่สุดในโลก จัดงาน “AWS Summit” ครั้งแรกในประเทศไทยในวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานประชุมประจำปี AWS Global Summit ที่จัดขึ้นทั่วโลก
โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน หลังการหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและผู้บริหาร AWS ในการผลักดันแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยตามวิสัยทัศน์ของนโยบาย Cloud First ของรัฐบาลที่มุ่งพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยการขับเคลื่อนนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี
ในครั้งนี้ AWS ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีและพาร์ตเนอร์ของ AWS ร่วมแบ่งปันเทรนด์เทคโนโลยี รวมถึงเทคนิคในการใช้งานผลิตภัณฑ์สู่คนไทย พร้อมอัปเดตแผนการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ “AWS Asia Pacific (Bangkok) Region” แห่งใหม่ที่จะเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2568 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลงทุนในไทย ด้วยตัวเลขลงทุนที่มากกว่า 1.9 แสนล้านบาท หรือราว 5 พันล้านเหรียญสหรัฐในประเทศไทยจนถึงปี 2580 หลังประกาศแผนลงทุนครั้งแรกอย่างเป็นทางการในปี 2565
การเปิด AWS Region ในประเทศไทยจะช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยสามารถจัดเก็บข้อมูลได้ในประเทศไทย ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดความหน่วงของการรับส่งข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการที่เติบโตขึ้นอยากมากในการใช้คลาวด์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยการตั้งโครงสร้างคลาวด์และการจัดการข้อมูลระดับภูมิภาคในประเทศไทยจะช่วยให้นักพัฒนา สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ และองค์กรต่างๆ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษาและองค์กรไม่แสวงผลกําไร สามารถเลือกใช้บริการคลาวด์สำหรับรันแอปพลิเคชันและให้บริการแก่ผู้ใช้ปลายทางจากดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ตลอดจนการต่อยอดสิ่งใหม่ๆ ผ่านโครงสร้างพื้นฐานแห่งใหม่นี้จะช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่และหน่วยงานภาครัฐ สามารถร่วมมือทดลอง พัฒนาและเติบโตไปด้วยกันการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด เช่น Generative AI, Machine Learning, Internet of Things (IoT) และอื่นๆ อีกมากมาย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า AWS Thailand Region แห่งใหม่ จะช่วยผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของประเทศไทยก้าวไปอีกขั้น ซึ่งสอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ “Ignite Thailand” และนโยบาย “Cloud-First” ของภาครัฐ และจะสนับสนุนโอกาสทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างทักษะดิจิทัลให้แก่บุคลากรของเรา รวมถึงขับเคลื่อนนวัตกรรม และเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพิ่มโอกาส และความสามารถในการแข่งขันของไทย และส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ ผู้ประกอบการ และสตาร์ทอัพไทยนับพันราย
รัฐบาลพร้อมที่จะร่วมมือกับ AWS เพื่อดึงศักยภาพและสร้างประโยชน์สูงสุดจากการพัฒนาครั้งนี้ไปสู่ประชาชนชาวไทยทุกคน ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานที่สำคัญ ผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก
ด้าน นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ประจำประเทศไทยของ AWS กล่าวว่า การเปิดตัว AWS Thailand Region ภายในต้นปี 2568 นี้ จะยิ่งช่วยผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีภายในภูมิภาค โดยเรามีความยินดีอย่างยิ่งในการส่งเสริมอนาคตที่รุ่งเรืองสำหรับลูกค้าและพาร์ตเนอร์ของเราทุกราย
AWS ให้บริการลูกค้าในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2549 และต่อมาได้เปิดสำนักงานในกรุงเทพฯ ในปี 2558 เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมองค์กรทั่วทุกอุตสาหกรรมในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ขั้นสูง ปัจจุบันมีลูกค้าองค์กรธุรกิจชั้นนำ อาทิ บางกอกแอร์เวย์ส, บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC), บริษัทพีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG Energy, เอสซีจี หรือ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (SCG) รวมถึงสถาบันการเงิน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ได้ใช้งานบนระบบคลาวด์ที่กว้างขวางและครอบคลุมของ AWS เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดย AWS Region แห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดใช้งานนี้จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ในประเทศไทย ซึ่งเพิ่มเติมจาก Amazon CloudFront edge ทั้งหมด 10 แห่งในกรุงเทพฯ รวมถึง AWS Outposts และ AWS Local Zone ที่มีอยู่แล้วในประเทศไทย และนับเป็น AWS Region แห่งทื่สี่ที่เปิดตัวในภูมิภาคอาเซียนซึ่งประกอบไปด้วย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2567 นี้
นอกจากนี้ความต้องการทักษะด้านคลาวด์และดิจิทัลในประเทศไทยที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง AWS ยังมุ่งมั่นที่จะฝึกอบรมคนไทย โดยได้ฝึกอบรมบุคลากรมาแล้วกว่า 50,000 คนในประเทศไทยด้วยทักษะด้านคลาวด์ตั้งแต่ปี 2560 และจะฝึกอบรมให้ถึง 100,000 คนภายในปี 2569
ทั้งนี้ AWS ได้ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES), กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI), และองค์กรชั้นนำต่างๆ ในภาคเอกชนเช่น CPF และกลุ่มเซ็นทรัล ไปจนถึงโปรแกรมฝึกอบรมและการรับรองมาตรฐานของ AWS อีกมากมาย
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney