ปีชง Apple? เจอศึกหนักถาโถม ยอดขายตลาดจีนทรุด - ถูกเล่นงานฐานผูกขาด กลยุทธ์รุก AI ตามไม่ทันเพื่อน

บิ๊กเทคขวัญใจมหาชนกลับเผชิญเหตุการณ์ท้าทายธุรกิจ ตั้งแต่การถูกกีดกันการใช้งานผลิตภัณฑ์โดยรัฐบาลจีน การช่วงชิงพื้นที่ของคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Huawei ที่ทำให้ยอดขาย iPhone ลดฮวบอย่างน่าตกใจ และดูเหมือนว่าจะทำให้จุดยืนของ Apple ในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดนั้นกำลังเต็มไปด้วยอุปสรรค 

ตลอดจนการปรับทิศทางธุรกิจครั้งล่าสุดกับการรุกสนาม Generative AI หลังจากเป็นบิ๊กเทคเจ้าเดียวที่มีท่าทีไม่เร่งรีบกับคลื่นเทคโนโลยีลูกนี้ในปีที่ผ่านมา พร้อมประกาศความล้มเหลวของโปรเจกต์รถยนต์ไฟฟ้า ‘Apple Car’ 

อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าและความไม่ชัดเจน อย่างล่าสุดที่มีรายงานว่า ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของ Apple เดินสายเจรจาผู้พัฒนา AI หลักๆ เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้แทนการพัฒนาเอง ทำให้หลายคนจับตามองว่าแนวทางของ Apple จะเป็นอย่างไรกันแน่? นอกจากนี้ดูเหมือนว่า Apple ยังต้องเผชิญบททดสอบครั้งใหญ่ด้านกฎหมาย ซึ่ง Apple กำลังตกเป็นเป้าของหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของสภาพยุโรปและกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่ได้แปะป้ายให้ Apple ในข้อหา ‘ผูกขาดตลาดสมาร์ทโฟน’ 

App Store จุดประเด็น Apple ผูกขาดตลาด 

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พร้อมด้วยตัวแทนจาก 12 รัฐ ยื่นฟ้องคดีภายใต้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดต่อ Apple โดยกล่าวหาบริษัทยักษ์ใหญ่รายนี้กำลังผูกขาดตลาดสมาร์ทโฟนอย่างผิดกฎหมาย โดยอัยการสูงสุด เมอร์ริล การ์แลนด์ (Merrick Garland) กล่าวอ้างว่า "ระบบนิเวศของ Apple กำลังผูกขาดตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค นักพัฒนา และบริษัทคู่แข่ง ซึ่งละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของรัฐบาลกลาง" 

ทั้งนี้ Apple ถูกฟ้องมานานหลายปีแล้วจากปัญหาการผูกขาดการทำงานของ App Store ในระบบปฏิบัติการ iOS บนสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone ทั้งเรื่องการเก็บค่าคอมมิชชัน 30% จากยอดขายส่วนใหญ่ผ่านทาง App Store โดยเฉพาะกฎระเบียบอันเข้มงวดที่จำกัดผู้ใช้และนักพัฒนาในการโต้ตอบกับระบบนิเวศผลิตภัณฑ์และบริการของ Apple ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นอันตรายต่อการแข่งขันด้วย เช่น การบล็อกไม่ให้แอปใหม่ๆ เปิดตัวบน App Store หรือแม้แต่การจำกัดการใช้งานกับ Android อย่างในกรณีที่ผู้ใช้งาน Apple Watch ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หากไม่ซื้อ iPhone หรือการจำกัดการจ่ายเงินด้วย Apple Wallet   

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่กดดันให้ Apple เปลี่ยนแนวทางดำเนินธุรกิจ ในเดือนมีนาคมตามพระราชบัญญัติการตลาดดิจิทัล (DMA) กฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปได้มีผลบังคับให้ Apple ต้องทำการปรับเปลี่ยนที่สำคัญ โดยว่ากันว่าคดีของ Apple อาจเป็นหนึ่งในคดีที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดที่สุดของคณะกรรมการต่อต้านการผูกขาดของทีมงานประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Jo Biden) ที่กำลังเตรียมปราบปรามบรรดาบิ๊กเทคภายใต้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ

“Apple สร้างเทคโนโลยีและประสบการณ์อันมหัศจรรย์และเรียบง่ายให้กับผู้ใช้ของเรา” 

Apple ปฏิเสธข้อหา ‘ผูกขาดตลาด’ โดยบริษัทกล่าวในแถลงการณ์ต่อข้อกล่าวหาว่า “นี่คือการคุกคามต่อหลักการของ Apple ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราแตกต่าง” โดยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา Apple มองข้ามการวิพากษ์วิจารณ์ต่อแนวปฏิบัติของบริษัทว่าเป็นการผูกขาด อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวอาจบังคับให้ Apple เปลี่ยนแปลงระบบการทำงานของ iPhone ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำรายได้สูงสุดของบริษัท ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อโมเดลธุรกิจและกระทบต่อประสบการณ์การใช้งาน

Apple รับศึกหนักในจีน 

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Apple กำลังเผชิญสภาพแวดล้อมระดับมหภาคสุดหิน ตั้งแต่การแบนไม่ให้ใช้งาน iPhone โดยรัฐบาลจีนในหลายพื้นที่และการแข่งขันกับแบรนด์สมาร์ทโฟนจีนที่กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งโดยเฉพาะ Huawei Technologies ไม่นับเทรนด์ผู้บริโภคชาวจีนที่ถูกสนับสนุนให้ใช้สินค้าบริการและเทคโนโลยีที่ผลิตในประเทศตนมากขึ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลองการปรากฏตัวของ ทิม คุก ในการเปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่เซี่ยงไฮ้ พร้อมด้วยการเข้าพบ หวัง เวิ่นเถา (Wang Wentao) รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนและซัพพลายเออร์รายสำคัญในประเทศจีน ตามรายงานของสื่อ เพื่อนำเสนอเป้าหมายเพิ่มการลงทุนในประเทศจีนในระยะยาว 

โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า ยอดจัดส่ง iPhone ในประเทศจีนในเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 33% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงเดือนที่สองติดต่อกันจากเดือนมกราคม โดยในปีนี้ Apple จำเป็นต้องเอาชนะความท้าทายในจีนก่อนการเปิดตัว iPhone 16 และกระตุ้นให้ยอดขายกลับมาสู่ระดับปกติอีกครั้งให้ได้  

เราคงต้องจับตากันต่อไปว่า ไตรมาสต่อมา Apple จะสามารถฟื้นคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุน และสร้างความตื่นเต้นอีกครั้งกับงาน Apple’s WWDC 2024 ในวันที่ 10 มิ.ย. 2024 ที่อาจเรียกความนิยมจากสาธารณชนได้อย่างล้นหลาม เพราะมีการเปิดเผยออกมาว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI อย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานนี้ 

อ้างอิง CNBC, CNBC, CNN 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney