การเดินทางเกือบสองทศวรรษของ iPhone นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2007 ที่ Steve Jobs ถึงกับเรียกว่าเป็น ‘Revolutionary Product’ ในฝั่งโทรศัพท์มือถือ ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Apple ได้เข้ามาปฏิวัติวงการจนทำให้ปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในโทรศัพท์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
และจนถึงวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา Apple สามารถขาย iPhone ไปได้มากกว่า 2.3 พันล้านเครื่อง และมีผู้ใช้งานมากกว่า 1.46 พันล้านคนทั่วโลก ตามการสำรวจของ Demand Sage บริษัทผู้ให้บริการโซลูชันการตลาด
ขณะที่ปี 2007 หลังเปิดตัว iPhone รุ่นแรก เมื่อเดือนมิถุนายน Apple ขาย iPhone ได้ 1.4 ล้านเครื่อง โดยกว่า 80% ของยอดขายมาจากช่วงไตรมาสที่ 4 และปีเดียวกันนั้นเอง Nokia กลับขายโทรศัพท์มือถือได้ถึง 7.4 ล้านเครื่อง ในไตรมาสเดียว
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญก็ได้เกิดขึ้นเมื่อ Apple เปิดตัว ‘App Store’ ในปี 2008 ทำให้สามารถเบียดแซงคู่แข่งในตลาดขึ้นมา และหลายปีต่อจากนั้นยอดขาย Apple ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2011 ทำยอดขายได้กว่า 72 ล้านเครื่อง จากการมาของ iPhone 4s และในปี 2015 ก็สามารถขาย iPhone ได้กว่า 200 ล้านเครื่องต่อปี
จนมาในปี 2018 Apple ก็ได้กลายเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ รายแรกที่มี Market Cap แตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และปัจจุบันก็ขึ้นแท่นหนึ่งในบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก
ซึ่ง Gene Munster จาก Deepwater Asset Management ได้ระบุไว้ว่าสิ่งที่ Apple เชี่ยวชาญคือการสร้างระบบนิเวศ ซึ่งเขาจินตนาการไม่ออกว่าในสถานการณ์ใดที่ Samsung จะสามารถพัฒนาชุดผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามา Disrupt ระบบนิเวศของ Apple ได้
และเมื่อไม่นานมานี้ Apple ก็สามารถแซงหน้าหนึ่งในคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Samsung สู่การเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนโลก ตามข้อมูลจาก International Data Corp (IDC) หลังครองส่วนแบ่งตลาด 20% ในปี 2023 ขณะที่ Samsung มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 19.4% ตามมาด้วยผู้ผลิตจากจีนอย่าง Xiaomi, Oppo และ Transsion
นอกจากนี้ Apple ยังทำผลงานในดีในตลาดจีน ถึงแม้จะต้องเผชิญอุปสรรคจากการกีดกันของภาครัฐจนกระทบยอดขายไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 เรื่อยมาจนถึงต้นปีนี้ โดย IDC เผยว่า iPhone ยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนจีนในสัดส่วนกว่า 20% ทุบสถิติใหม่สูงขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตัวเลขที่ลดลงไม่ได้ทำให้ Apple สูญเสีญตำแหน่งผู้นำในตลาดแต่อย่างใด.
อ้างอิง
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney