สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Apple บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกที่ได้กลายเป็นหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือน้อยที่สุดในวอลล์สตรีทขณะนี้ หลังบรรดานักลงทุนแสดงความกังวลต่อแนวโน้มยอดขาย iPhone ที่ลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายของคู่แข่ง Huawei Technologies ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น
แม้ช่วงปีที่ผ่านมาแม้หุ้นบริษัทปรับขึ้น 50% และยังครองตำแหน่งบริษัทมูลค่าสูงสุดในโลกได้ อย่างไรก็ดีต้นปีนี้หุ้น Apple ตกลง 3.6% ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากถูกปรับลดอันดับหุ้นจาก Barclays จาก "neutral" สู่ระดับ "underweight" พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายจาก 161 ดอลลาร์สหรัฐเหลือ 160 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบถึงอัตราการแนะนำซื้อหุ้นของ Apple ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยหลักของการปรับลดอันดับในครั้งนี้ถูกอ้างอิงถึงธุรกิจในจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Apple มีภาพรวมที่อ่อนแอ เนื่องจากความต้องการใช้งาน iPhone ในจีนที่ลดลง สวนทางกับความนิยมของแบรนด์คู่แข่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แม้ว่ายอดขายในสหรัฐอเมริกายังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ความนิยมของ iPhone ในจีนเริ่มซบเซาลงหลังจากเปิดตัวรุ่นล่าสุดอย่าง iPhone15 ในช่วงท้ายปี 66 โดยยอดขายลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับ iPhone 14 ในช่วง 17 วันแรกหลังการเปิดตัว
โดยล่าสุดตามบันทึกยอดขาย iPhone ในจีนสัปดาห์แรกของปี 2567 ลดลงถึง 30% แม้จะมีการปรับลดราคา iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ประมาณ 16% บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Pinduoduo ในช่วงเทศกาล
ด้านนักวิเคราะห์ของ Jefferies นำโดย Edison Lee ระบุว่าปัจจัยหลัก ได้แก่ ปัญหาตัวเครื่องของ iPhone15 ที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุงในช่วงเปิดตัว บวกกับ ความโดดเด่นที่เพิ่มขึ้นของคู่แข่งอย่าง Huawei Technologies ที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เจาะตลาดไฮเอนด์อย่าง Mate 60 Pro ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นชัยชนะเหนือการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการเปิดตัว iPhone ที่แย่ที่สุดในจีน นับตั้งแต่ประมาณปี 2561
นอกจากนี้ มาตรการสั่งห้ามการใช้งาน iPhone ในหน่วยงานภาครัฐและบริษัทของรัฐโดยรัฐบาลจีนที่ประกาศใช้ในหลายมณฑล ยังส่งผลกระทบต่อยอดขายที่ลดลงโดยตรงอีกด้วย
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์อีกว่า ปีนี้ยอดขาย iPhone ในจีนจะมีแนวโน้มลดลงที่ต่อเนื่อง และมากไปกว่านั้น ความต้องการที่ลดลงในจีนจะนำไปสู่การจัดส่ง iPhone ทั่วโลกที่ต่ำกว่าคาด และอาจพ่ายแพ้ให้กับ Huawei โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2567 Huawei จะจัดส่งสมาร์ทโฟนประมาณ 64 ล้านเครื่องทั่วโลกเพิ่มจาก 35 ล้านเครื่องในปี 2566
ผลดำเนินการไตรมาสสี่สิ้นสุด ณ เดือนกันยายน ปี 2566 แม้ Apple มียอดขายและกำไรสูงกว่าคาดการณ์ อย่างไรก็ตามยอดขายโดยรวมเติบโตน้อยลง โดยยอดขายไตรมาสสี่ลดลงติดต่อกันสี่ไตรมาส
ด้านวอลล์สตรีทได้คาดการณ์การเติบโตของรายได้ในปีงบประมาณ 2567 เพียง 3.6% และการเติบโตของกำไรที่ 7.9% พร้อมประเมินถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับ 'ธุรกิจบริการของ Apple' ที่ถูกจับตาจากหน่วยงานในประเทศต่างๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกาที่กำลังปราบปรามเรื่องผูกขาด App Store ด้วยเช่นกัน
อ้างอิง Bloomberg, Reuters , CNBC1, CNBC2, CounterpointResearch