แม้ปีที่ผ่านมา Sea จะปิดปีได้อย่างสวยงาม ด้วยตัวเลขกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่พลิกทำกำไรเป็นครั้งแรกหลังจากก่อตั้ง จากการประกาศรัดเข็มขัด เพื่อปรับทิศทางธุรกิจครั้งใหญ่ และปลดพนักงานหลายระลอกทั่วโลก ซึ่งทำให้บรรดานักลงทุนต่างจับจ้อง Sea อีกครั้งในปีนี้ แต่ดูเหมือนว่า Sea ยังคงเผชิญกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง กดดันให้รายได้จากธุรกิจโดยรวมยังไม่สามารถไปถึงจุดพลิกทำกำไรได้ในปีนี้ โดยหลังจากประกาศหุ้นปรับลดกว่า 28%
สำหรับผลดำเนินงานไตรมาสสองสิ้นสุด ณ เดือนมิถุนายน 2566 Sea มีรายรับสุทธิ 3.1 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 5.2% จากปีก่อนหน้า ทำกำไรสุทธิได้เพียง 331 ล้านเหรียญจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 8.7 หมื่นเหรียญ กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.57 ดอลลาร์
สัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจาก ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 2.3 พันล้านดอลลาร์เหรียญ ทั้งนี้ Shopee มี EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 150 ล้านดอลลาร์ เทียบกับผลขาดทุน 648 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่รายได้เพิ่มขึ้นเพียง 20.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งมาจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม รายได้จากโฆษณาและค่าคอมมินชันที่ได้แรงหนุนหลักจากการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของร้านค้าบนแพลตฟอร์ม
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์กล่าวว่า ยังถือว่าเพิ่มขึ้นช้าที่สุดเป็นประวัติการณ์ รองลงมา ได้แก่ บริการความบันเทิง (Garena) อยู่ที่ 529.4 ล้านเหรียญ ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้ากว่า 40% ตามด้วย บริการทางการเงินดิจิทัล (SeaMoney) 428 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 53.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ฟอร์เรสต์ ลี (Forrest Li) ประธานและซีอีโอของ Sea เปิดเผยถึง การเร่งเพิ่มการลงทุนธุรกิจช็อปปิ้งออนไลน์ในทุกตลาด เพื่อรับมือการแข่งขันที่ดุเดือดในภูมิภาคจากผู้เล่นคนสำคัญอย่าง TikTok
โดยกล่าวถึงบรรยากาศ “การเติบโตของอีคอมเมิร์ซและะการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ที่หลากหลาย” การสตรีมสด วิดีโอสั้น และการมีส่วนร่วมของอินฟลูเอนเซอร์ในการทำ Affiliate Programs ที่นำมาซึ่งรายได้มหาศาล พร้อมยกตัวอย่าง แคมเปญสตรีมมิงในอินโดนีเซียเมื่อเดือนก่อนที่ทำให้ปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายวันถึง 12 เท่า ในขณะที่มีผู้ซื้อเพิ่มขึ้นสิบเท่า
“การพัฒนาดังกล่าวทำให้เรามีโอกาสเติบโตและขยายตลาดที่ทำกำไรได้ในระยะยาว โดยแนวโน้มในเชิงบวกเหล่านี้ เราจึงเพิ่มการลงทุนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซต่อไป พร้อมปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาวของเรา”
อย่างไรก็ตามการแข่งขันที่ดุเดือดยังทำให้ Sea เดินเกมยากยิ่งขึ้น แม้ว่า Shopee จะถูกประเมินว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกือบครึ่งหนึ่ง แต่บริษัทมีการเติบโตที่ช้าลงหากเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาด และนักลงทุนต้องการทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับการทำกำไรหลังจากขาดทุนอย่างหนักมาหลายปีเช่นเดียวกัน
อ้างอิง Sea , Reuters , Nikkei Asia