“Year of Efficiency” ปีแห่งประสิทธิภาพของ Meta ดูเหมือนจะได้ผลโดยไตรมาสนี้ ผลดำเนินการดีเกินคาด รายได้เติบโตสองหลักเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 64 สืบเนื่องจากการตัดสินใจปรับเปลี่ยนทิศทางบริษัท เปิดตัวกองทัพผลิตภัณฑ์ AI หลังการเดินหน้าสู่ Metaverse ไม่ประสบผลสำเร็จดังหวัง กอปรกับการใช้จ่ายโฆษณาดิจิทัลที่กลับมาคึกคักต่อเนื่องดันให้ผลดำเนินการ Meta กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในสายตานักลงทุน โดยหุ้นบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 7% ทำจุดสูงสุดถึง 302.52 ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาด
ผลดำเนินการไตรมาส 2/66 สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน รายได้สุทธิ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.08 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สูงกว่าการคาดการณ์ของวอลล์สตรีท แสดงให้เห็นถึงการฟื้นคืนรายได้สองไตรมาสติดต่อกันของ Meta กำไรสุทธิ 7.79 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% ซึ่งคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.98 ดอลลาร์ รายได้กว่า 80% ยังคงมาจากกลุ่มธุรกิจโฆษณาและการให้บริการแอปฯ ในเครือ Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp
ผู้ใช้งาน Facebook รายวัน (DAU) เฉลี่ยอยู่ที่ 2.06 พันล้านคนในเดือนมิถุนายน 66 เพิ่มขึ้น 5% ฐานผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า 3 พันล้านคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 3% เช่นเดียวกัน โดยมีผู้ใช้งานรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
โดยแผนก Reality Labs หน่วยงานที่พัฒนาเทคโนโลยีด้าน VR ของบริษัทยังคงขาดทุนการดำเนินงานต่อเนื่อง 3.7 พันล้านดอลลาร์ ทำรายได้เพียงแค่ 276 ล้านดอลลาร์ ทำให้ Meta สูญเสียเงินไปแล้วกว่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว
แม้ว่า Meta อาจจะพูดถึง Metaverse น้อยลงในทุกวันนี้ แต่ Meta ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้ Metaverse เป็นจริง พร้อมคาดการณ์ว่าผลดำเนินการส่วนนี้จะเพิ่มขึ้น จากแผนการเก็บค่าบริการสำหรับสมาชิก Meta Quest+ ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อใช้งานชุดหูฟัง Quest 2, Quest Pro และ Quest 3 รวมถึงความพยายามในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงอย่างต่อเนื่อง และขยายระบบนิเวศทางด้าน AI ที่จะช่วยสนับสนุนซึ่งกันและกัน
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Meta กล่าวว่า "เรามีไตรมาสที่ดี" แอปพลิเคชันใหม่ในเครือ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง Llama 2, Threads, Reels รวมถึงผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ๆ และ Quest 3 ที่กำลังดำเนินการและรอเปิดตัวช่วงสิ้นปีนี้ สำหรับไตรมาสนี้มีการซื้อหุ้นสามัญคืนในมูลค่า 793 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินราว 4.09 หมื่นล้านดอลลาร์อีกด้วย
ดูเหมือนว่าจากไตรมาสก่อนแผนการปรับโครงสร้างลดต้นทุนและเลฟ์ออฟครั้งใหญ่ที่ผ่านมา จะเห็นผลและทำให้ Meta คืนชีพในพื้นที่สื่ออีกครั้ง อีกทั้งการเดิมพันกับการลงทุนเทคโนโลยีและแอปฯใหม่ จะสามารถดึงความสนใจจากผู้ลงโฆษณาและผู้ใช้ได้บางส่วนได้ มาร์คกล่าวว่า ในปีนี้จะเน้นไปที่การบริหารบริษัทแบบลีนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อทำให้บริษัทสามารถลงทุนอย่างจริงจังในแผนงานระยะสั้น ได้แก่ AI และแผนระยะยาว ได้แก่ Metaverse ต่อไป
อ้างอิง CNBC