ท่าอากาศยานไทย ยกแพลตฟอร์มขึ้น Google Cloud รุกเทคโนโลยีขั้นสูง เสริมแกร่งท่องเที่ยวยุคดิจิทัล

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ท่าอากาศยานไทย ยกแพลตฟอร์มขึ้น Google Cloud รุกเทคโนโลยีขั้นสูง เสริมแกร่งท่องเที่ยวยุคดิจิทัล

Date Time: 22 มี.ค. 2566 15:42 น.

Video

“ไทยรัฐ โลจิสติคส์” ถอดคราบ “ยักษ์เขียว” มุ่งสู่ขนส่งครบวงจร | Thairath Money Talk

Summary

  • ท่าอากาศยานไทย ผนึก Google Cloud ร่วมด้วยพันธมิตรรายใหญ่ สกาย ไอซีที และ EVme เสริมแกร่งระบบหลังบ้าน ยกแพลตฟอร์มขึ้นคลาวด์ รุกเทคโนโลยีขั้นสูงสร้างประสบการณ์ใหม่รองรับภาคการท่องเที่ยวยุคดิจิ

Latest


นายวรวุฒิ แสนทวีสุข ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาและบูรณาการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, ฝ่ายพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่น, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า AOT ในฐานะเกตเวย์ด่านแรกของภาคการท่องเที่ยว ได้ร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Google Cloud ครั้งนี้ในการเข้ามาเสริมแกร่งระบบไอทีหลังบ้าน พร้อมจะสนับสนุนทั้ง บริการการบินภาคพื้นดิน และ แอปพลิเคชันมือถือ SAWASDEE by AOT ซุปเปอร์แอปฯ ที่ให้บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งพัฒนาโดยพันธมิตรเดิมอย่าง บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY พร้อมด้วยการย้ายข้อมูลของท่าอากาศยานนานาชาติทั้ง 6 แห่ง (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่) ไปสู่คลาวด์

โดยปัจจุบัน AOT และ SKY ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดขึ้นภายในสนามบิน เพื่อนำเสนอโซลูชั่นให้กับนักท่องเที่ยวได้อย่างเฉพาะเจาะจง โดยหนึ่งโปรเจกต์ที่ Google ได้เข้ามาสนับสนุนเป็นอย่างดี คือ การปรับปรุงระบบนำทางภายในอาคาร (Indoor Navigation) ที่จะถูกพัฒนาเป็น Indoor Map เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางไปยังจุดต่างๆ ภายในสนามบินซึ่งจะเปิดตัวเป็นทางการภายในไตรมาสสองของปีนี้ และในอนาคตมีแผนจะขยายระบบไปยังสถานที่ที่เป็นที่ท่องเที่ยวด้วย

นอกจากนี้ได้ร่วมมือกับ บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด ผู้พัฒนา EVme แพลตฟอร์มให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าในการเชื่อมต่อการให้บริการโดยการนำนักท่องเที่ยว Go-to destination เดินทางออกจากสนามบินสู่แหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย ด้วยการสนันสนุนด้านยานยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย

ทั้งนี้จากการที่ AOT นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้สนามบินสามารถจัดการภาระงานปกติได้มากถึง 10 เท่า เช่น การจัดการข้อมูลตั้งแต่การเช็กอิน การตรวจคนเข้าเมือง การขึ้นเครื่อง การรับสัมภาระ ตลอดจนอัปเดตข้อมูลตามเวลาจริงของข้อมูลสนามบินและเที่ยวบินไปยังผู้โดยสารหลายล้านคนได้ตามเวลาที่ต้องการ

ผนึก Google Cloud เสริมแกร่งระบบหลังบ้าน

นางเอพริล ศรีวิกรม์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Google Cloud เปิดเผยว่า คนไทยมีอัตราการใช้บริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ที่จะเพิ่มขึ้นถึง 22% ต่อปี ซึ่งจะสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยถึง 9 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.08 หมื่นล้านบาทภายใน 2 ปีนี้ (2566-2567) ดังนั้นบริการดิจิทัลและระบบพื้นฐานทางเทคโนโลยีจะสร้างโอกาสทางธุรกิจในภาคท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง Cloud, Data Analytic และ AI จะเป็นสิ่งจำเป็นที่จะสนับสนุนให้ผู้เล่นในระบบนิเวศการท่องเที่ยวให้ตอบสนองการบริการสำหรับนักเดินทางได้ดียิ่งขึ้น

ด้วยความสามารถด้านการขยายระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น (Scalability) ของเทคโนโลยีคลาวด์ จะรองรับการทำงานแบบดิจิทัลในภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด เข้ามาชดเชยรายได้และแรงงานที่ไม่เพียงพอในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถใหักับธุรกิจในด้านการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของนักท่องเที่ยวด้านต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ทาง Google Cloud ยังเปิดเผยถึงข้อมูลเชิงลึก จากเทรนด์การค้นหาที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของการท่องเที่ยวที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมใกล้เคียง ได้แก่ บริการทางการเงิน บริการด้านการดูแลสุขภาพ ไปจนถึงการค้าปลีก และการขนส่ง จากผลการค้นหาข้อมูล คำว่า “ประกันการเดินทาง” “การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์” “การท่องเที่ยวเชิงอาหาร” และ “การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ในประเทศไทย มีปริมาณการค้นหาที่เพิ่มขึ้นถึง 900%, 500%, 110% และ 200% ตามลำดับ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์