ณิชาภัทร อาร์ค ผู้อำนวยการกองทุนโอเพ่นสเปซประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า Openspace ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ด้วยเงินลงทุนรวมเกือบหนึ่งพันล้านบาท โดยกองทุนของเรายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของสตาร์ทอัพไทย และมองหาโอกาสที่จะเพิ่มเงินลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
“Openspace ตั้งเป้าหมายลงทุนเพิ่มในประเทศไทยด้วยมูลค่าขั้นต่ำ 500 ล้านบาทภายในสองปี มุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับจุดแข็งของประเทศไทย เช่น ภาคการเงิน การแพทย์ การเกษตร การบริการและการท่องเที่ยว รวมถึงสตาร์ทอัพที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานทดแทนและการลดโลกร้อน ทั้งนี้ Openspace พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่มีความมุ่งมั่นเดียวกันในการขับเคลื่อนการเติบโตที่มั่นคงและผลักดันนวัตกรรมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมต่อประเทศไทย”
ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของโอเพ่นสเปซในประเทศไทย ประกอบด้วย ฟินโนมีนา (Finnomena) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการลงทุนดิจิทัลชั้นนำของไทยที่มีสินทรัพย์ภายใต้การดูแลเกือบ 50,000 ล้านบาท, เฟรชเก็ต (Freshket) ซึ่งจำหน่ายวัตถุดิบด้านอาหารแบบครบวงจรผ่านแพลตฟอร์มที่ให้บริการแก่ธุรกิจร้านอาหารกว่า 20,000 แห่ง และมีอัตราการเติบโตถึง 10 เท่าในระยะเวลาเพียง 4 ปี และ อบาคัส ดิจิทัล (Abacus Digital) ผู้ให้บริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันมันนี่ทันเดอร์ (MoneyThunder) ที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสทางการเงินด้วยเทคโนโลยี AI ให้กับกลุ่มคนที่หลากหลาย โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้เงินกู้นอกระบบ
ณิชาภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า “ประเทศไทย” ยังเป็นหมุดหมายการลงทุนสตาร์ทอัพภายในภูมิภาคนี้ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาประเทศเพื่อนบ้านจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ไทยจะเน้นไปที่การระดมทุนภายในประเทศ
โดย Openspace มีความเชื่อมั่นในผู้ประกอบการและเทคโนโลยีไทยที่มีศักยภาพ โดยที่ผ่านมาสตาร์ทอัพทั้งสามรายพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและทีมผู้บริหารที่มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจที่ทำอยู่ในเชิงลึกและสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างน่าพอใจ
"สำหรับเป้าหมายลงทุนต่อเนื่องในปีต่อไปยังมุ่งเน้นไปที่สตาร์ทอัพไทยที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นแกนหลักในการประกอบธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง"
นอกจากนี้ ณิชาภัทร ให้มุมมองถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงมหภาคหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ว่าจะเป็นโอกาสให้กับประเทศไทยมากกว่าความเสี่ยง ประเทศไทย จะได้รับประโยชน์จากความขัดแย้งระดับโลก โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้กลายเป็นตัวเลือกสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ทั้งตัวเลือกในการตั้งฐานผลิตและลงทุน
Openspace ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2557 มุ่งลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีสตาร์ทอัพที่นำเทคโนโลยีมาใช้ยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการ ครอบคลุม 6 ตลาดหลักภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม และก้าวสู่การเป็น Lead Investor ในวงการเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพด้วยการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากกว่า 60 แห่งทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีนักลงทุนหลักที่ร่วมลงทุนเป็นนักลงทุนสถาบันราว 65% อาทิ Temasek, DEG, Norfund และ JICA
ปัจจุบัน Openspace บริหารจัดการเงินทุนอยู่ราว 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยแบ่งกองทุนออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กองทุน Early-Stage Fund ลงทุนในสตาร์ทอัพระดับซีรีส์ A-B โดยมี Ticket Size ขั้นต่ำอยู่ที่ 3-8 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 100 - 270 ล้านบาท และกองทุน Growth Fund ที่จะเน้นลงทุนสตาร์ทอัพระดับซีรีส์ C ขึ้นไป โดยมีขั้นต่ำอยู่ที่ 15-25 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 500-850 ล้านบาท
"Openspace เน้นสร้างและมอบคุณค่า Value-Added ให้กับสตาร์ทอัพ โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกและความเชี่ยวชาญระดับสูงของทีมงานที่มีสำนักงานอยู่ในประเทศต่าง ๆ เพื่อเสริมศักยภาพให้แก่บริษัทที่ได้เข้าลงทุนได้สร้างผลงานที่โดดเด่นพร้อมกับสร้างประโยชน์ให้กับสังคม"
เจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง กลุ่มบริษัท ฟินโนมีนา กล่าวถึงความร่วมมือกับโอเพ่นสเปซและการสนับสนุนที่ช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับฟินโนมีนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากสตาร์ทอัพจะมีโมเดลธุรกิจและตลาดแล้วยังต้องมีนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาช่วยพัฒนาบริษัทให้เติบโตในอีกระดับ
“ระบบนิเวศของเทคโนโลยีสตาร์ทอัพในประเทศไทยจำเป็นต้องมีบริษัทที่เป็น Active Investor เข้ามาช่วยสนับสนุน ซึ่งไม่ใช่ด้านการเงินแต่เป็นองค์ความรู้โดยรวมเพื่อการเติบโตในระยะยาว โดย โอเพ่นสเปซ เวนเจอร์ส ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักลงทุน แต่เป็นพันธมิตรที่สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของฟินโนมีนาด้วยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากเงินทุนแล้ว ทีมงานของโอเพ่นสเปซยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความสำเร็จของฟินโนมีนา โดยให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญกับธุรกิจของเราในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสรรหาบุคลากรไปจนถึงการวางกลยุทธ์”
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -