หลังจากที่ SCB X ประกาศจะยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน “โรบินฮูด” (Robinhood) มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 โดยเป็นการยุติการให้บริการในทุกประเภท คงเหลือแต่บริการรับส่งอาหาร (Food Delivery) เท่านั้น ต่อมาได้มีทาง SCBX ได้ออกมาประกาศว่าจะยังคงดำเนินแพลตฟอร์มดังกล่าวไปต่อเนื่องจากมีผู้สนใจมาลงทุน ซึ่งระหว่างนั้นก็มีข่าวหลุดออกมามากมายว่าจะเป็นกลุ่มทุนใหญ่ที่อาจซื้อเพื่อต่อยอดธุรกิจตัวเอง จนกระทั่งล่าสุดเป็นที่แน่ชัด และมีการประกาศออกมาเป็นทางการแล้วว่า สามารถปิดดีลขายกิจการได้แล้ว
โดยบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำของไทย ประกาศเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ให้กับกลุ่มผู้ลงทุนนำโดยกลุ่มยิบอินซอย โดยมูลค่าการซื้อขายคิดเป็นมูลค่ารวมสูงสุด 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าเบื้องต้นชำระทันที 400 ล้านบาท และส่วนเพิ่มตามผลประกอบการสูงสุดไม่เกิน 1,600 ล้านบาท
โดย เพอร์เพิล เวนเจอร์ส ในการทําสัญญา Management Agreement กับ SCB X ทําให้ SCB X จะได้รับมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท โดยที่ทาง SCB X จะรับ Management Fee ตามเงื่อนไขของผล ประกอบการของ เพอร์เพิล เวนเจอร์ส ซึ่งทําให้มีความยืดหยุ่นในการชําระในอนาคต
สำหรับกลุ่มผู้ร่วมลงทุนในครั้งนี้นําโดย
กลุ่ม ยิบอินซอย ได้แก่ บริษัท ยิบอินซอย จํากัด และ บริษัท บริษัท มีศิริ จํากัด หนึ่งในกลุ่มบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร เทคโนโลยีระดับสูงด้านวิศวกรรม เทคโนโลยีด้านพลังงานและการเกษตร รวมถึงธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมทางสังคม มีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพทางการค้า การลงทุนในธุรกิจที่ดีมาเกือบ 100 ปี
และผู้ร่วมลงทุนอีก 3 กลุ่ม ได้แก่
โครงสร้างการเข้าร่วมลงทุนในหุ้นสามัญของ เพอร์เพิล เวนเจอร์ส กลุ่มยิบอินซอยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ถือหุ้นรวมกัน 50 % แบ่งเป็น
บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ถือหุ้น 30% มูลค่าการลงทุน 120 ล้านบาท
บริษัท เอสซีที เรนทอล คาร์ จํากัด ถือหุ้น 10% มูลค่าการลงทุน 40 ล้านบาท
บริษัท ล็อกซบิท จํากัด (มหาชน) ถือหุ้น 10% มูลค่าการลงทุน 40 ล้านบาท
สำหรับการซื้อกิจการในครั้งนี้ อยู่ภายใต้เจตนารมณ์ที่ยังคงต้องการให้แอปพลิเคชัน Robinhood เป็นแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีที่พัฒนาโดยคนไทยเพื่อคนไทยที่สามารถแข่งขัน พร้อมดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยกลุ่มผู้ลงทุนต่างเห็นว่า การให้บริการรับส่งอาหาร (Food Delivery) เป็นธุรกิจที่ยังคงมีศักยภาพ และโดยที่ผู้ร่วมลงทุนได้ประเมินแล้วว่า การดําเนินธุรกิจจะมีความคล่องตัวมากขึ้น เมื่อมีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มผู้ร่วมลงทุน
อ้างอิง SET