“ไม่ใช่แค่มูลค่าทางธุรกิจ แต่ต้องการให้เกิดอิมแพ็คต่อระบบเศรษฐกิจไทย ความร่วมมือผลักดันวงการสตาร์ทอัพครั้งนี้ต้องการปลุกวงการสตาร์ทอัพไทยอีกครั้ง ฟื้นฟูบรรยากาศที่เอื้อให้เกิดผู้ประกอบการสตาร์ทอัพหน้าใหม่ๆ ในประเทศไทย”
กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับ อีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ของ ป้อม ภาวุธ ซีอีโอ กลุ่มบริษัท efrastructure Group, กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com และอีกบทบาทในฐานะ Angel Investor ที่มีประสบการณ์ลงทุนในสตาร์ทอัพมานานกว่า 20 ปี เปิดตัว “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) หรือ “Finno Efra” กองทุนใหม่ที่จะมุ่งลงทุนสตาร์ทอัพที่อยู่ในช่วง Seed ถึง Pre-series A ที่มีผลดำเนินการมาเป็นระยะหนึ่ง มี Product Market Fit มีรายได้ 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างรายได้ในระดับดังกล่าวได้
นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ในเครือกรุงศรี เปิดเผยว่า Finno Efra จะมีเม็ดเงินไหลเวียนขนาด 1,000-1,300 ล้านบาท หรือราว 35 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ นำโดย กรุงศรี ฟินโนเวต 200 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนผ่าน One Asset หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด รวมถึงกลุ่ม Corporate Investor ที่เป็นลูกค้าภายใต้ธนาคารกรุงศรี โดยกองทุนจะยืนระยะเวลา 8 ปีโดย 4 ปีแรกเน้นการอัดฉีดเม็ดเงิน 4 ปีหลังเน้นสร้างการเติบโตในสเตจต่อไป
ทั้งนี้ Finno Efra จะโฟกัสการลงทุนทั้งสตาร์ทอัพไทยและต่างชาติ แบ่งสัดส่วนเป็นสตาร์ทอัพไทยราว 60% และสตาร์ทอัพต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน 40% โดยมีโฟกัสหลักที่กลุ่ม Impact & Digital Transformation เช่น HR Tech, MarTech, IndustrialTech, TravelTech, Ecommerce รวมถึงภาคส่วนหลักที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เช่น FinTech, EdTech, HealthTech, AgriTech และ MobilityTech
"กรุงศรี ฟินโนเวต และ อีฟราสตรัคเจอร์ ต่างอยู่ในสตาร์ทอัพอีโคซิสเต็มส์มานาน ทำงานใกล้ชิดสตาร์ทอัพจำนวนมาก และเมื่อมองย้อนกลับมาดูภาพรวมของสตาร์ทอัพอีโคซิสเต็มส์ในประเทศไทย เกิดช่องว่างใหญ่ระหว่างสตาร์ทอัพระดับ Pre-Seed และ Series A ซึ่งก็คือ สตาร์ทอัพในช่วง Seed ถึง Pre-series A ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ สืบเนื่องจากนักลงทุนหลักในประเทศไทย ได้แก่ Corporate Venture Capital หรือ CVC จะเป็นกลุ่มหลักที่ให้การสนับสนุนและเข้ามาลงทุนในอีโคซิสเต็มส์นี้ แต่มักจะลงทุนกับสตาร์ทอัพ Series A ขึ้นไป เพราะความเสี่ยงในการล้มเหลวต่ำกว่านั่นเอง"
นายแซม กล่าวว่า ที่ผ่านมาบรรยากาศการลงทุนจะเน้นไปที่กลุ่ม Series A ขึ้นไปเป็นส่วนมาก สวนทางกับเทรนด์การลงทุนสตาร์ทอัพในต่างประเทศ รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะมุ่งให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพตั้งแต่ระดับ Early Stage ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้สตาร์ทอัพอีโคซิสเต็มส์เติบโตและแข็งแกร่งขึ้น มีสตาร์ทอัพรายใหม่ๆ เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของ Finno Efra ที่ต้องการผลักสตาร์ทอัพในช่วง Early Stage ที่มีศักยภาพจำนวนมากขึ้นมา เพื่อเติมเต็มสตาร์ทอัพอีโคซิสเต็มส์ของไทยให้แข็งแกร่งขึ้น
อีกหนึ่งผู้ร่วมจัดการกองทุน นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท อีฟราสตรัคเจอร์ จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมมือกับ กรุงศรี ฟินโนเวต ซึ่งมีบทบาทในการลงทุนและบ่มเพาะสตาร์ทอัพซึ่งสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจและการเติบโตของอุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายทำให้กองทุน Finno Efra ไม่ได้เป็นเพียงแค่การให้เงิน แต่มุ่งสร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่จะเข้ามาสร้างการเติบโตทั้งในแง่ของสังคมและเศรษฐกิจ
นอกเหนือจากเรื่องการลงทุนที่มีอย่างจำกัดแล้ว อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ Accelerator Program หรือโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นโค้ชให้คำปรึกษา และบ่มเพาะสตาร์ทอัพรายใหม่ๆ ลดน้อยลงไปมาก ซึ่งจริงๆ แล้วมองว่า Accelerator และ Incubator คือ จิ๊กซอว์สำคัญที่จะทำให้สตาร์ทอัพรายใหม่ๆ เกิดขึ้น และเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นเสมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ลงทุนและสตาร์ทอัพได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับกองทุน Finno Efra คือ “Finno Efra Accelerator Program” โปรแกรมบ่มเพาะที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพที่สนใจสมัครเข้ามาเรียนรู้ โดยเราจะใช้เครือข่าย ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่มี สร้างให้หลักสูตรนี้ครอบคลุมในทุกๆ มิติที่สำคัญสำหรับสตาร์ทอัพ โดย Finno Efra Accelerator Program จะจัดขึ้นทั้งหมดสี่รอบ (Batch) และใช้เวลาประมาณสี่เดือนในการเข้าร่วม โดยในแต่ละรอบจะเปิดรับสตาร์ทอัพประมาณ 10 บริษัท และสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมเรียนในหลักสูตรนี้จะได้รับคำแนะจากเมนทอร์และโค้ชมากประสบการณ์ นอกจานี้ยังมีโอกาสได้รับเงินลงทุนจากกองทุน Finno Efra และพบกับนักลงทุนรายอื่นๆ อีกด้วย นายภาวุธ กล่าว
ด้าน นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.วรรณ เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพมาอย่างต่อเนื่อง การร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับตลาดทุนไทย และเพิ่มความหลากหลายให้กับสินทรัพย์ทางเลือก จากเดิมมักจำกัดอยู่ในตราสารทุน ตราสารหนี้ หรือสินค้าโภคภัณฑ์
ทั้งนี้ บลจ.วรรณ เตรียมนำเสนอขายกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนใน กองทุน Finno Efra Private Equity Trust ซึ่งเป็นกองทุนรวมแรกของประเทศไทยที่ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ Pre-Series A เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าประเภทกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) ลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 500,000 บาท โดยคาดว่าจะเปิดเสนอขายครั้งแรกพร้อมกองทรัสต์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กองทุนอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney