ที่ประชุมคณะกรรมบริษัท บมจ.แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (AS) เดิมชื่อ บมจ.เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นสามัญในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จํากัด ซึ่งเป็นเป็นผู้นําในธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย โดยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทศูนย์ซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี และศูนย์ ซื้อขายโทเคนดิจิทัลจากกระทรวงการคลัง โดยประกอบธุรกิจดังกล่าวภายใต้ชื่อ “บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์” จํานวน 4,149,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 9.22 ของทุนจดทะเบียนจากบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด ในราคาซื้อขายรวมทั้งสิ้นเป็นจํานวน 600,000,000 บาท
โดยบริษัทฯ ได้ประเมินมูลค่ากิจการของ บิทคับ ออนไลน์ ด้วยการประมาณการกําไรในปี 2566 โดยอ้างอิงจาก งบการเงินปี 2565 โดยบริษัทฯ ได้กําหนดสมมติฐานให้รายได้รวมของ บิทคับ ออนไลน์ในปี 2566 หดตัวในอัตราร้อยละ 20 จากปี 2565
หลังจากนั้นให้รายได้เริ่มฟื้นตัวในปี 2567 เป็นต้นไป โดยมีอัตราการเจริญเติบโตของรายได้ในปี 2567 2568, 2569 และ 2570 อยู่ที่ร้อยละ 3, 3.5, 4 และ 4.5 ตามลําดับ และกําหนดสมมติฐานในส่วนของต้นทุนการขายและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้อยู่ในอัตราส่วนคงที่เทียบเท่ากับปี 2565 โดยให้ต้นทุนขายอยู่ที่ร้อยละ 42 ของรายได้ และค่าใช้จ่าย ในการบริหารอยู่ที่ร้อยละ 38 ของรายได้ และกําหนดต้นทุนเฉลี่ยของกิจการ (WACC) ให้อยู่ที่ร้อยละ 9.74 ซึ่งเป็น WACC ของบริษัทฯ และกําหนดให้อัตราการเติบโตของกระแสเงินสดหลังจากช่วงระยะเวลาประมาณการ (Terminal Growth Rate) อยู่ที่ร้อยละ 4.5
นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงอื่นๆ ที่สําคัญ โดยภายหลังจากที่การซื้อขายหุ้นที่จะซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ บริษัทฯ อาจดําเนินการเจรจาเพื่อจัดทําข้อตกลงในการซื้อหุ้นเดิม และ/หรือจองซื้อ หุ้นเพิ่มทุนในผู้ขายหรือบริษัทอื่นในกลุ่มของผู้ขาย โดยในการเข้าทําธุรกรรมซื้อหุ้นเดิม และ/หรือจองซื้อหุ้น เพิ่มทุนในบริษัทในกลุ่มบิทคับ
บริษัทฯ ตกลงที่จะนําหุ้นที่จะซื้อขายที่ตนได้มาภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นทั้งหมดเข้าแลกกับหุ้นในบริษัทใน กลุ่มบิทคับที่เกี่ยวข้อง (Share Swap) ตามรายละเอียดและวิธีการที่จะตกลงกันในสัญญาที่เกี่ยวข้องที่บริษัทฯ และคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องจะได้เจรจาและเข้าทําต่อไป และภายใต้เงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่มีผลใช้บังคับกับบริษัทฯ และคู่สัญญาที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ และเพิ่มโอกาสในเสนอสินค้าและบริการในกลุ่มธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล อีกทั้ง บิทคับ ออนไลน์ มีทีมบริหารที่มีความรู้ความชํานาญในการผลักดันธุรกิจดังกล่าว
ช่วยส่งเสริมระบบนิเวศ (Ecosystem) ของบริษัทฯ ทั้งสําหรับผู้เล่นเกม ผู้ผลิตเกม รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจเกมของบริษัทฯ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในช่องทางของการแลกเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเกมของบริษัทฯ ในอนาคต
เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน อัตราการเติบโตของสินทรัพย์ ผลกําไร และกระแสเงินสดให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าจะเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 และคาดว่าธุรกรรมบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคม 2566
สำหรับมูลค่ากิจการของบิทคับ ออนไลน์ หากคำนวณจากธุรกรรมที่ AS เข้าถือซื้อหุ้นแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 6,500 ล้านบาท หลังจากที่ก่อนหน้าที่มีดีล SCBX ที่ประกาศเข้าลงทุนผ่านบริษัทลูกอย่าง บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ซื้อหุ้น 51% มูลค่าการลงทุนสูงถึง 17,850 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 หากคำนวณมูลค่ากิจการของ บิทคับ ออนไลน์ ในขณะนั้นกลับสูงถึง 35,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสตาร์ทอัพในระดับยูนิคอร์นกันเลยทีเดียว มาในวันนี้ที่ AS เข้าถือหุ้น 9.22% ด้วยมูลค่าการลงทุนจำนวนดังกล่าว เท่ากับว่ามูลค่ากิจการของ บิทคับ ออนไลน์ ลดลงประมาณ 81% ภายในเวลา 2 ปี