จีนแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นเบอร์ 1 ของโลก มีงานวิจัยเทคโนโลยีมากสุด พบบางส่วนทำมาเสริมอำนาจกองทัพ

Tech & Innovation

Digital Transformation

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

จีนแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นเบอร์ 1 ของโลก มีงานวิจัยเทคโนโลยีมากสุด พบบางส่วนทำมาเสริมอำนาจกองทัพ

Date Time: 2 ก.ย. 2567 15:42 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • “จีน” ขึ้นแท่นเป็นประเทศอันดับ 1 ที่มีการทำวิจัยหรือรีเสิร์ชเกี่ยวกับเทคโนโลยีมากที่สุดในโลก แซงหน้าสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ โดยพบว่า 57 หมวดหมู่งานวิจัยด้านเทคโนโลยีจาก 64 หมวดหมู่เป็นงานวิจัยของประเทศจีน หรือคิดเป็นประมาณ 90% ของทั้งหมดที่จัดทำขึ้นระหว่างปี 2019-2023

“จีน” กลายเป็นประเทศอันดับ 1 ที่มีการทำวิจัยหรือรีเสิร์ชเกี่ยวกับเทคโนโลยีมากที่สุดในโลก แซงหน้าสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

จากรายงานของ Critical Technology Tracker ของ Australian Strategic Policy Institute หรือ ASPI สถาบันวิจัยของออสเตรเลีย เผยรายละเอียดความสามารถในการแข่งขันด้านงานวิจัยของประเทศต่างๆ ที่ถูกนำไปอ้างอิงในวิจัยอื่น พบว่ามีทั้งหมด 64 หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่ง 57 หมวดหมู่จาก 64 หมวดหมู่นั้นเป็นงานวิจัยของประเทศจีน หรือคิดเป็นประมาณ 90% ของวิจัยด้านเทคโนโลยีทั้งหมดที่จัดทำขึ้นระหว่างปี 2019-2023

ภาพจาก Nikkei Asia
ภาพจาก Nikkei Asia

ในอดีตช่วงปี 2003-2007 ตำแหน่งผู้นำด้านงานวิจัยเทคโนโลยีนี้ตกเป็นของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของงานวิจัย 60 หมวดหมู่จากทั้งหมด 64 หมวดหมู่ และในช่วงเวลาดังกล่าว ประเทศจีนอยู่ลำดับที่ 3

ในขณะที่ช่วงปี 2019-2023 เมื่อจีนก้าวขึ้นมาเป็นอันดับแรกของโลก สหรัฐอเมริกาก็ติดอันดับท็อปใน 7 หมวดหมู่ ยกตัวอย่างเช่น หมวด Quantum Computing, หมวด Biotechnology และหมวดวัคซีน

จากข้อมูลยังพบอีกว่า ใน 24 หมวดหมู่งานวิจัยเทคโนโลยีของจีนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับกองทัพ และถูกจำแนกว่า “มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกนำมาใช้งานเพื่อการผูกขาดของประเทศ” ซึ่งเทคโนโลยีใน 24 หมวดหมู่นี้ ประกอบไปด้วย เรดาร์ ระบบนำทางดาวเทียม และโดรน เป็นต้น

นอกจากนี้ เมื่อลองสืบค้นถึงการอ้างอิงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ “ไฮเปอร์โซนิคมิสไซล์” หรือขีปนาวุธที่เร็วกว่าความเร็วเสียง และระบบติดตาม พบว่า 73% ของงานวิจัยอิงจากข้อมูลของจีน 13% อิงจากงานวิจัยสหรัฐฯ และ 3% อิงจากงานวิจัยของสหราชอาณาจักร ในขณะที่วิจัยในด้านเครื่องยนต์อากาศยาน จีนนำอยู่ที่ 73% และสหรัฐฯ อยู่ที่ 7%

ตามนโยบาย “Made in China 2025” ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่มีแผนจะพัฒนาอุตสาหกรรมของจีนให้ทันสมัยมากขึ้น รวมไปถึงบูสต์ 10 โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ซึ่งรวมไปถึงเซมิคอนดักเตอร์และหุ่นยนต์ โดยมีเป้าหมายของการจะขึ้นเป็นฐานด้านการผลิตโลกภายในปี 2049

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของจำนวนงานวิจัยด้านเทคโนโลยีของจีนนี้ ถูกมองว่าเป็นความเสี่ยงในการผูกขาดตลาดเทคโนโลยี ASPI จึงแนะนำกลุ่มประเทศ AUKUS ได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ให้ร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพิ่มระดับพัฒนางานวิจัยเทคโนโลยีให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดช่องว่างลง

ญี่ปุ่นติดอันดับ Top 5 ซึ่งมีเพียง 8 หมวดหมู่เทคโนโลยีเท่านั้นที่ถูกนำมาอ้างอิงในงานวิจัย ตัวอย่างเช่น พลังงานนิวเคลียร์และควอนตัมเซนเซอร์ ในขณะที่เกาหลีใต้ก็ติดอยู่ใน Top 5 เช่นกัน โดยมีความโดดเด่นด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น

ที่มา: Nikkei Asia

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์