เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2566 ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า หลังจากผม และคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2566-2568 ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์สมาคมฯ และแผนปฏิบัติการเร่งรัด หรือ Quick Win 5 เพื่อสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงานให้กับธุรกิจประกันวินาศภัยดังนี้
1. ส่งเสริมให้ธุรกิจประกันภัยมีภาพลักษณ์ที่ดีเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีกรอบและทิศทางการดำเนินการ ประกอบด้วย การสร้างความตระหนักรู้ให้เห็นความจำเป็นของการประกันภัย และการขับเคลื่อน ESG ในธุรกิจประกันวินาศภัยไทย
2. ยกระดับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในการทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพให้กับภาครัฐและเอกชน โดยมีกรอบและทิศทางการดำเนินการ ประกอบด้วย การสนับสนุนให้เกิดศูนย์กลางข้อมูล และการใช้ข้อมูลด้านการประกันวินาศภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมและประชาชน
สนับสนุนแนวคิดและผลักดันให้เกิดการกำกับดูแลกันเองของภาคธุรกิจและการมุ่งสู่การเปิดเสรีในบางมิติ และการผลักดันให้ภาครัฐมีมาตรการต่างๆ ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการทำประกันวินาศภัยในทุกระดับและทุกมิติ เพื่อช่วยในการบริหารความเสี่ยง และแบ่งเบาภาระของรัฐบาล
3. พัฒนาศักยภาพบุคลากรในธุรกิจประกันภัยให้เป็นมืออาชีพที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล โดยมีกรอบและทิศทางการดำเนินการ ประกอบด้วย การพัฒนาศักยภาพบุคลากรในธุรกิจประกันภัยให้เป็นมืออาชีพที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ส่งเสริมให้บุคลากรให้เข้าสู่ระบบธุรกิจประกันวินาศภัย และพัฒนาบุคลากรเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ
รวมถึงการเป็นองค์กรที่ทันสมัย Modernization of TGIA เปลี่ยนให้สมาคมฯ เป็น Modern & Smart Organization โดยการพัฒนาบุคลากรของสมาคมฯ ให้มีกระบวนการทำงานเชิงรุกตอบโจทย์การทำงานได้ในทุกรูปแบบ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เสริมสร้างระบบนิเวศประกันภัยที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีกรอบและทิศทางการดำเนินการ ประกอบด้วย การเสริมสร้างความร่วมมือ และความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานอื่นๆ การทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย กฎระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัย (Regulatory Guillotine) สนับสนุนให้เกิดศูนย์กลางข้อมูลและการใช้ข้อมูลด้านการประกันวินาศภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมและประชาชน
สนับสนุนแนวคิดและผลักดันให้เกิดการกำกับดูแลกันเองของภาคธุรกิจและการมุ่งสู่การเปิดเสรีในบางมิติ เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงานเพื่อเป็นแนวทางของธุรกิจประกันวินาศภัย ส่งเสริมการสร้าง Digital Insurance Ecosystem รวมถึงกระชับความร่วมมือระหว่างบริษัทสมาชิก และสนับสนุนให้ธุรกิจประกันวินาศภัยไทยขยายธุรกิจ บริการ และการลงทุนไปยังต่างประเทศ
สำหรับปี 66 นี้ คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้ร่วมกันกำหนดแผนปฏิบัติการเร่งรัด หรือ Quick Win ในการขับเคลื่อนตามกรอบและทิศทางของแผนยุทธศาสตร์สมาคมฯ ให้เห็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ ได้แก่
1. การควบรวมสำนักงานอัตราเบี้ยประกันวินาศภัย (Insurance Premium Rating Bureau: IPRB) และ บริษัท ไทยอินชัวเรอส์ดาต้าเนท จำกัด (Thai Insurers Datanet Co., Ltd.: TID) เข้าด้วยกัน โดยการรวม 2 หน่วยงานดังกล่าวให้เป็นหน่วยงานเดียวจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันจะมีการขับเคลื่อนให้หน่วยงานใหม่ที่จัดตั้งขึ้นนี้ได้นำฐานข้อมูลกลางประกันภัย (Insurance Bureau System: IBS) มาใช้ประโยชน์ในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ภาพรวมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจประกันวินาศภัยให้มากยิ่งขึ้น เช่น การวิเคราะห์ต้นทุนความเสียหายของการประกันภัยประเภทต่างๆ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตรวจสอบการฉ้อฉลประกันภัย เป็นต้น
2. การสนับสนุนแนวคิดและผลักดันให้เกิดการกำกับดูแลกันเองของภาคธุรกิจประกันวินาศภัย และการเปิดเสรีธุรกิจประกันวินาศภัยในบางมิติ เช่น การเปิดเสรีด้านค่าคอมมิชชันของตัวแทน/นายหน้าประกันวินาศภัย และอัตราเบี้ยประกันภัย โดยในเรื่องนี้สมาคมฯ จะขอความสนับสนุนและความเห็นชอบจาก คปภ. ในการให้บริษัทประกันภัยแต่ละบริษัทสามารถกำหนดค่าคอมมิชชันเองได้ แต่ต้องเปิดเผยรายละเอียดของการจ่ายค่าคอมมิชชันนี้ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ในส่วนของการออกกรมธรรม์ใหม่ๆ สมาคมฯ ก็จะขอความสนับสนุนและความเห็นชอบจากสำนักงาน คปภ. ให้บริษัทประกันภัยสามารถออกกรมธรรม์ได้โดยไม่ต้องใช้ระยะเวลานานเกินไป ภายใต้เกณฑ์ที่สำนักงาน คปภ. กำหนดรายละเอียดไว้ในการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่างๆ ด้วย
3. การสนับสนุนและร่วมมือในการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัย (Regulatory Guillotine) กับสำนักงาน คปภ. โดยในเรื่องนี้คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการกฎหมายและกฎระเบียบไปศึกษาและดำเนินการว่า มีกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัยใดบ้างที่น่าจะนำมาทบทวน ปรับปรุงแก้ไข หรือยกเลิก ตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยในปัจจุบัน
เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยในปัจจุบันนั้นแตกต่างจากบริบทที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีซึ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และก่อให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆ กฎหมายที่มีอยู่จึงอาจล้าสมัยและไม่ตอบโจทย์การประกอบธุรกิจในยุคดิจิทัล
4. การควบคุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของการประกันภัยสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น และศึกษามาตรการเพิ่มเติมในการลดหย่อนภาษี รวมถึงหาแนวทางในการจัดตั้งคณะแพทย์ที่ปรึกษาให้กับธุรกิจประกันวินาศภัยไทย
5. การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจประกันวินาศภัยในเชิงรุก โดยในเรื่องนี้สมาคมฯ จะเข้ามามีบทบาทในการจัดการข้อร้องเรียนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัยของประชาชนมากขึ้น รวมทั้งจะมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดการรับรู้และตระหนักถึงการบริหารความเสี่ยงให้กับประชาชนรวมทั้งจัดการกับภาวะวิกฤติ (Crisis Management) ให้ทันท่วงทีหากเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจประกันวินาศภัยอีกด้วย.