4-5 ปีที่ผ่านมา อาจเรียกได้ว่าอยู่ในยุคการทำงานแบบดิจิทัล ที่หลายองค์กรให้พนักงานสามารถทำงานแบบ Work From Home ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย จึงทำให้ Digital Nomad หรือการทำงานแบบไร้ออฟฟิศ ได้กลายเป็นเทรนด์ฮิตอย่างในทุกวันนี้ ผ่านการเปลี่ยนทุกที่บนโลกให้เป็นห้องทำงาน ไม่ว่าจะเป็น นักเขียน โปรแกรมเมอร์ นักออกแบบกราฟิก ที่ปรึกษา และงานอื่นๆ ที่สามารถทำงานได้ทางออนไลน์ เที่ยวด้วย ทำงานด้วยแบบมีประสิทธิภาพ
ในครั้งนี้ #Thairath Money จะพาไปดูกันว่าการใช้ชีวิตของคนที่ทำอาชีพนี้เป็นอย่างไร และแนวทางการออมเงินของคนกลุ่มนี้จะต้องทำอย่างไร?
รูปแบบการทำงานของ Digital Nomad นั้น มีความแตกต่างจากหลายๆ อาชีพ จึงเป็นวิธีการทำงานในฝันของคนหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็น
การทำงานแบบ Digital Nomad เปิดโอกาสให้ตัวเราสามารถเปลี่ยนสถานที่ทำงานไปได้เรื่อยๆ รวมถึงยังสามารถใช้เวลาไปกับการท่องเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น วันนี้เราไปพัทยา มะรืนอาจจะไปเชียงใหม่ก็ได้
ดังนั้นการใช้ชีวิตอย่างอิสระและสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ อาจจะทำให้คนที่ทำงานแบบ Digital Nomad มีค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ ซึ่งส่งผลให้หลายๆ คนไม่มีเงินเก็บในชีวิต และอาจจะพบความเสี่ยงทางการเงินในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รวมถึงไม่ได้วางแผนเก็บเงินเอาไว้ใช้ในยามเกษียณ
โดย Krungsri Plearn Plearn ได้มีการสรุปไว้ว่า หากคุณเป็นชาว Digital Nomad ที่ยังไม่มีเงินเก็บ แต่อยากจะเก็บเงินเพื่ออนาคตของตัวเองไปพร้อมๆ กับเก็บเงินเพื่อการท่องเที่ยวในระหว่างทำงานด้วย ต้องทำดังนี้
1. กำหนดเป้าหมายการออมแต่ละประเภท
เมื่อมีรายได้เข้ามาในแต่ละเดือน จะต้องกำหนดเอาไว้เลยว่า จะต้องออมแต่ละเป้าหมายเป็นจำนวนเงินกี่เปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น หากมีเงินเข้ามาในกระเป๋า 100% สามารถวางแผนได้ดังนี้
การแบ่งประเภทการออมลักษณะนี้จะทำให้เราสามารถวางแผนได้อย่างรอบด้าน รวมถึงเป้าหมายการออมเพื่อการท่องเที่ยวด้วย
2. สร้างแผนในการออมก่อนเดินทางล่วงหน้าเสมอ
ก่อนที่จะเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ควรกำหนดงบประมาณอย่างเหมาะสม รวมถึงวางแผนเก็บเงินล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน
3. ศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทางท่องเที่ยว
จำไว้ว่าหากประหยัดไปได้ 100 บาท นั่นก็หมายความว่าเราจะมีเงินออมมากขึ้นอีก 100 บาท ดังนั้นการศึกษาข้อมูลต่างๆ ก่อนที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวจะทำให้วางแผนค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้ และรู้ว่าทำอย่างไรให้สามารถใช้จ่ายได้ประหยัดที่สุด
4. มีวินัยในการออมในทุกๆ เดือน
การสร้างวินัยในการออมเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ อย่าลืมบอกกับตัวเองถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้และกำหนดวัน เวลา และจำนวนเงินที่ต้องการออมเสมอ และทำตามแผนจนถึงเป้าหมายที่วางไว้
5. ตรวจสอบค่าใช้จ่ายทุกครั้งหลังจากเดินทางท่องเที่ยว
ทุกๆ การเดินทางควรจะจดบันทึกเอาไว้ว่า ได้ใช้จ่ายไปกับเรื่องอะไรบ้าง และนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์เพื่อดูว่าอะไรเป็นค่าใช้จ่ายที่ควรลดในการเดินทางครั้งต่อไป แค่นี้ก็ทำให้สามารถไปเที่ยวได้อย่างสบายๆ แถมมีเงินเหลือกลับมาได้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้จึงถือได้ว่า การทำงานแบบ Digital Nomad มีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ สามารถเดินทางท่องเที่ยวและใช้ไลฟ์สไตล์ได้ตามที่ต้องการ รวมทั้งยังทำงานได้ด้วย อย่างไรก็ตามบางคนยังใช้ชีวิตท่องเที่ยวโดยไม่มีเงินเก็บและแผนรองรับในอนาคต ซึ่งทำให้ชีวิตมีความเสี่ยงมาก ดังนั้นชาว Digital Nomad จึงควรวางแผนการออมให้รอบคอบก่อนไปท่องเที่ยวเสมอ เพื่อไม่ให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย เที่ยวได้สบาย ทำงานที่ไหนก็มีความสุข