ธนาคารกรุงเทพ ขยายบริการ L/C on Blockchain ผ่าน Contour เต็มรูปแบบสู่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ เป็นรายแรกในไทย จับมือ บางจาก ตัดริบบิ้นบริการใหม่กับคู่ค้าต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ลดระยะเวลาทำธุรกิจจาก 3 วันเหลือไม่เกิน 3 ชั่วโมง
นายพิพัฒน์ อัสสมงคล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า ธนาคารได้เปิดให้บริการเลตเตอร์ออฟเครดิตบนระบบบล็อกเชน หรือ L/C on Blockchain นวัตกรรมที่ช่วยให้บริการทางการเงินสำหรับการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ทำได้ง่ายขึ้นและประสิทธิภาพดีขึ้น นับเป็นการเปิดให้บริการได้แบบเต็มรูปแบบเป็นรายแรกในประเทศไทย
ล่าสุด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เลือกใช้บริการ L/C on Blockchain กับธนาคารกรุงเทพ เพื่อเปิด L/C ให้แก่ธนาคารของคู่ค้าซึ่งอยู่ในต่างประเทศ โดยมีกำหนดทำธุรกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมานี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ธุรกรรมดังกล่าวยังถือเป็น L/C on Blockchain รายการแรกของธนาคารกรุงเทพที่ให้บริการแก่ธุรกิจในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซอีกด้วย
ทั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวความสำเร็จที่สำคัญมากสำหรับการพัฒนาบริการด้าน Trade Finance โดยนำเทคโนโลยียุคใหม่เข้ามาช่วยสนับสนุนการทำงานให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริการดังกล่าวจะดำเนินการผ่านระบบดิจิทัลทั้งกระบวนการ
โดยไม่มีขั้นตอนที่ใช้เอกสารกระดาษ และช่วยลดระยะเวลาของธุรกรรม L/C จากที่เคยต้องใช้เวลาทำธุรกรรม 3 วัน ลดเหลือเพียงไม่เกิน 3 ชั่วโมง ดังนั้น ธุรกรรมลักษณะนี้ที่ต้องทำเป็นประจำ จึงเท่ากับช่วยให้การทำธุรกิจมีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างชัดเจน
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า บริการดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยีของ Contour ผู้ให้บริการด้านการเงินเพื่อการค้าแบบดิจิทัลระดับโลก ซึ่งธนาคารกรุงเทพ ถือเป็นธนาคารไทยแห่งแรกและเป็นธนาคารเดียวที่ได้เข้าร่วมกับธนาคารและองค์กรพันธมิตรชั้นนำระดับโลก เพื่อร่วมก่อตั้ง Contour ขึ้นมา
รวมถึงได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาบริการดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2562 ตลอดจนการเริ่มทดลองให้บริการทำธุรกรรม L/C on Blockchain แบบข้ามธนาคาร (Cross Bank) บน Contour Network ให้แก่ลูกค้ารายสำคัญจำนวน 3 ราย ในต้นปี 2564 ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น ตอบโจทย์การใช้บริการด้าน Trade Finance ได้อย่างมีประสิทธิภาพให้แก่ผู้ประกอบการทั้งด้านนำเข้าและส่งออก
จนนำมาสู่การเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ ได้อย่างเต็มรูปแบบในเดือนพ.ย. 64 ปัจจุบัน Contour มีธนาคารต่างๆ เข้าร่วมประมาณ 20 แห่ง ซึ่งให้บริการครอบคลุมพื้นที่กว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งในภูมิภาคยุโรป อเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก
สำหรับจุดเด่นของบริการ L/C on Blockchain นั้นเป็นการทำงานโดยใช้เทคโนโลยี Distributed Ledger Technology (DLT) หรือ Enterprise Blockchain Platform ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมในรูปแบบดิจิทัลได้ทั้งกระบวนการ ทำให้คู่ค้าทุกฝ่ายสามารถเห็นข้อมูลพร้อมๆ กัน จึงทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใสและลดต้นทุนการดำเนินการได้ดีกว่าการใช้เอกสารในรูปแบบเดิมได้อย่างมาก สอดรับกับสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต ที่จะต้องมีความรวดเร็วและทำธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม การทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเงินอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราสามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับบริการทางการเงินได้จริง ซึ่งได้ปฏิวัติรูปแบบการบริการด้าน Trade Finance แบบเดิมไปอย่างสิ้นเชิง
โดยธนาคารกรุงเทพ เชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ที่มีส่วนร่วมพัฒนาบริการนี้มาอย่างต่อเนื่อง จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับการบริการด้าน Trade Finance ของธนาคารกรุงเทพให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าธุรกิจและคู่ค้าที่อยู่ในต่างประเทศ ให้มีขีดความสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้สูงขึ้น
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การนำเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือ Blockchain มาใช้เพื่อยกระดับกระบวนการทำธุรกรรม L/C สำหรับการค้าระหว่างประเทศของบางจากฯ เป็นอีกหนึ่งการดำเนินการสำคัญของบางจากในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร
ทั้งนี้ การร่วมกับธนาคารกรุงเทพในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในธุรกรรมเลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter of Credit: L/C) แบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบริษัท Contour ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มชั้นแนวหน้าที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลครั้งนี้
นับเป็นอีกก้าวหนึ่งในการนำขับเคลื่อนการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศของบางจากฯ ให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน บริษัทที่เป็นคู่ค้าในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศสามารถตรวจสอบรายละเอียดของธุรกรรมได้ชัดเจน มีความโปร่งใส