ส่วนต่างดอกเบี้ยไม่ทำให้ “ค่าบาท” อ่อน

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่อง ภายใต้ความท้าท้ายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปีหน้าที่เราจะได้ยินข่าวร้ายจากเศรษฐกิจโลกเพิ่มมากขึ้น ทั้งการชะลอลงของเศรษฐกิจโลก บางประเทศเศรษฐกิจถดถอย และจะได้ยินข่าวความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนโลกมากขึ้นด้วย

“ขณะที่ภาพในประเทศที่ผ่านมาเราเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูง หนี้ครัวเรือนสูง ขณะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นช้ากว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งเขาฟื้นตัวไปแล้ว โดยเหตุผลที่ไทยฟื้นตัวช้า ส่วนหนึ่งเราพึ่งพาการท่องเที่ยวจากต่างประเทศสูง แต่ขณะนี้เมื่อการท่องเที่ยวจากต่างประเทศเริ่มกลับมา และคาดหวังว่าแม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว คนก็ยังอยากท่องเที่ยว ขณะที่รายได้ภาคเกษตร และนอกภาคเกษตรของไทยปรับเพิ่มขึ้น ทำให้การใช้จ่ายของไทยปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 5% สูงกว่าการใช้จ่ายในช่วงก่อนโควิดด้วยซ้ำ ส่วนการส่งออก ธปท.ไม่ได้มองไว้สูงมากอยู่แล้ว คาดว่าปีนี้จะโต 8% ปีหน้าลงมาเหลือ 1% ตามเศรษฐกิจโลกชะลอ โดยภาพรวมปีหน้าเราจะโต 3.8% จากปีนี้ที่โตได้ 3.3%”

ขณะเดียวกัน คนที่เป็นห่วงค่าเงินบาทอ่อนค่าจะเสนอว่าให้ขึ้นดอกเบี้ยมากกว่านี้ เร็วกว่านี้ คนกลุ่มที่มีหนี้สูงจะบอกว่า ขึ้นดอกเบี้ยแรงไม่ได้กระทบต่อต้นทุน ค่าครองชีพ ขออธิบายว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไทยกับต่างประเทศไม่ได้มีผลต่อเงินบาทมากเท่าในอดีต เพราะเงินบาทที่อ่อนค่ามาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าไปกว่า 11% ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงถึงปัจจุบัน 7% น้อยกว่ามาเลเซียและอินโดนีเซียที่ส่วนต่างดอกเบี้ยน้อยกว่าเรา หากกังวลเงินทุนไหลออกจากต้นปีจนถึงปัจจุบันมีเงินต่างประเทศไหลเข้าไทยสุทธิ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ.