นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติในหลักการการเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทย (KBank) เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน 2 บริษัท ได้แก่ ธุรกิจให้บริการงานติดตามหนี้ และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดย JMT ถือหุ้นน้อยกว่า 50% และบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทยถือหุ้นมากกว่า 50% คาดว่าจะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแล้วเสร็จในไตรมาส 1/65 “เรามีความพร้อมมากในระบบทรัพยากรมนุษย์ และเงินทุน สำหรับธุรกิจให้บริการติดตามหนี้ และบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซึ่งกสิกรไทยมองเห็นถึงศักยภาพของ JMT ด้านนี้ ปัจจุบันเรานำเอาเทคโนโลยีและเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Big Data และการนำเรื่อง Machine Learning เข้ามาใช้ในระบบบริหารติดตามหนี้ ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆนี้ ทำให้ประสิทธิภาพในการติดตามหนี้เพิ่มมาก ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม”
ด้านนายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า JMT มีความเชี่ยวชาญในการติดตามหนี้มายาวนาน และธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของธนาคารในการติดตามหนี้และการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
ส่วนนายรุจิพล วิโรจน์โภคา Chief Operating Officer บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X) ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจโทเคนดิจิทัลแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดผนึกกำลังบริษัท อินดิเพนเดนท์ อาร์ตทิสต์ เมเนจเมนต์ (iAM) ต้นสังกัดดูแลบริหารงานศิลปินวงไอดอลหญิงวง BNK48 และศิลปินวงไอดอลหญิงวง CGM48 นำระบบบล็อกเชนและ Tokenization มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของแอปพลิเคชัน iAM48 และเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างแฟนคลับและศิลปิน.