ยันงบปี 65 ลดไม่กระทบสวัสดิการ รัฐบาลเล็งเพิ่ม “งบกลางปี” หากจัดเก็บรายได้ดีขึ้น

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ยันงบปี 65 ลดไม่กระทบสวัสดิการ รัฐบาลเล็งเพิ่ม “งบกลางปี” หากจัดเก็บรายได้ดีขึ้น

Date Time: 17 มี.ค. 2564 07:55 น.

Summary

  • รัฐบาลมีแนวโน้มจัดทำงบประมาณกลางปี 2565 เพิ่ม หากเศรษฐกิจช่วงต่อไปฟื้น ทำให้จัดเก็บงบประมาณได้มากขึ้น หลังกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่ 3.1 ล้านล้านบาท

Latest

ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ส่ง Lightnet จับมือ WeLab ฟินเทคฮ่องกง ลงสนามชิงใบอนุญาตฯ Virtual Bank

รัฐบาลมีแนวโน้มจัดทำงบประมาณกลางปี 2565 เพิ่ม หากเศรษฐกิจช่วงต่อไปฟื้น ทำให้จัดเก็บงบประมาณได้มากขึ้น หลังกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่ 3.1 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 5.66% กระทรวงศึกษาธิการ ยังคงครองอันดับหนึ่งได้รับงบสูงสุด 332,398 ล้านบาท แจงงบกลาง 571,047 ล้านบาท นายกฯไม่ได้ใช้ทั้งหมด แต่มีมากถึง 11 รายการ

นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแนวโน้มจัดทำงบประมาณกลางปี 2565 เพิ่มในกรณีที่เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น และสามารถกลับมาจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง จะขอไปดูแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ รวมทั้งเศรษฐกิจปีหน้าด้วยหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยรับงบประมาณ ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ 3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณที่ลดลงจากปีก่อนหน้า 5.66%

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าวงเงินที่ปรับลดลงนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินสวัสดิการต่างๆ ที่รัฐต้องจัดสรรลงไปให้กับประชาชนตามปกติ ทั้งเบี้ยเด็กแรกเกิด เบี้ยคนชรา และเบี้ยคนพิการ รวมไปถึงค่าอาหารกลางวันเด็กที่เพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะวงเงินในส่วนนี้ได้กันเอาไว้แล้วอยู่ในส่วนงบประจำ ซึ่งมีวงเงินอยู่ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ รายการที่ต้องมีวงเงินลดลงนั้น ส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายประจำที่สามารถลดลง หรือชะลอไว้ก่อนได้ โดยได้รับจัดสรรในวงเงิน 2.36 ล้านล้านบาท ลดลง 6.98% หรือลดลง 177,109 ล้านบาท แต่การปรับลดลงในส่วนนี้ไม่ได้กระทบกับสวัสดิการต่าง ๆ ที่รัฐต้องจ่ายอยู่แล้ว โดยเฉพาะเบี้ยคนพิการ ซึ่งได้ปรับเพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้จะได้เฉพาะคนพิการที่ถือบัตรสวัสดิการก่อน จากนั้นจึงขยายไปยังคนพิการอื่นๆต่อไป

ที่สำคัญในปีงบประมาณ 2565 ยังได้ตั้งชำระคืนต้นเงินกู้ไว้ 100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.01% คิดเป็นสัดส่วน 3.22% ของวงเงินงบประมาณสูงกว่าเทียบกับปีงบประมาณ 2564 ที่ 3.01% ซึ่งการจ่ายคืนเงินกู้เพื่อรักษาเครดิตของประเทศไว้

ด้านนายสมหมาย ลักขณานุรักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับจัดสรรงบประมาณสูงสุด 332,398 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 24,051 ล้านบาท หรือลดลง 6.75% หรืออันดับที่สอง กระทรวงมหาดไทย 316,527 ล้านบาท ลดลง 17,144 ล้านบาท หรือ 5.14% อันดับสาม กระทรวงการ
คลังได้รับจัดสรร 273,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,501 ล้านบาท หรือ 2.05% เพราะต้องชำระดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น อันดับสี่กระทรวงกลาโหม 203,282 ล้านบาท ลดลง 11,248 ล้านบาท หรือลดลง 13.42% ส่วนกระทรวงที่ได้น้อยสุด ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์

ขณะเดียวกัน ในปีงบประมาณ 2565 ได้จัดสรรรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% หลังจากปีก่อนไม่มีรายการที่เสนอตั้งงบส่วนนี้เอาไว้ และมีรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่าย 24,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% เช่นกัน ที่สำคัญได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนไว้ 624,399 ล้านบาท ลดลง 24,399 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าเงินส่วนที่ขาดดุลงบประมาณ 700,000 ล้านบาท ดังนั้น ครม.จึงเห็นชอบให้พิจารณารายจ่ายลงทุนเพิ่มเติมจากแหล่งเงินทุนของประเทศในช่องทางอื่นๆ ทั้งการให้เอกชนเข้าร่วมในกิจการของรัฐ (พีพีพี) และการลงทุน ของหน่วยงานในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์ รวมทั้งพิจารณาการใช้เงินกู้เพื่อพัฒนา เศรษฐกิจและสังคม ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548

สำหรับงบกลางในปี 2565 นั้น ได้มีการตั้งงบประมาณไว้ 11 รายการ ทั้งสิ้น 571,047 ล้านบาท ลดลง 43,568 ล้านบาท หรือ 7.09% อย่างไรก็ตาม อย่ามองว่างบกลางทั้งหมด เป็นเงินที่จัดไว้ให้นายกรัฐมนตรีใช้เนื่องจากงบกลางฯ แบ่งเป็นหลายรายการ เช่น รายจ่ายสำหรับจ่ายเป็นเงินเกษียณอายุของข้าราชการ และค่ารักษาพยาบาล ก็รวมอยู่ในนี้ร่วม 400,000 ล้านบาท ส่วนที่เป็นรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็นมีประมาณ 89,000 ล้านบาท ลดลง 10,000 ล้านบาทจากปีงบประมาณก่อน โดยปฏิทินงบประมาณหลังจากนี้กำหนดไว้เข้าสู่
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรประมาณวันที่ 26-27 พ.ค. 2564

“ที่ว่านายกรัฐมนตรีมีเงินใช้มากถึง 400,000-500,000 ล้านบาท จึงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากมีเงินที่อยู่ในอำนาจการใช้จ่ายที่นายกรัฐมนตรีอนุมัติได้เพียง 89,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2565”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ