ปตท.จ่อนำเข้าหวั่นแอลเอ็นจีขาด รื้อถอนแท่นแหล่งเอราวัณเข้าสู่อนุญาโตตุลาการ

“กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ” แจ้ง ครม.ประเทศไทยเตรียมเงิน 450 ล้านบาท เข้าสู่อนุญาโตตุลาการ กับเชฟรอน กรณีรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ ทำให้เสี่ยงผลิตก๊าซธรรมชาติได้ต่ำกว่าแผนในปี 2565 เตรียมนำเข้าแก้ปัญหาขาดแคลน ด้าน ปตท.ยืนยัน ปตท.สผ.พร้อมเข้าพื้นที่ผลิตต่อจากเชฟรอน เจ้าของสัมปทานในขณะนี้

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ เพื่อเตรียม พร้อมเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ หลังจากที่บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ที่เป็นบริษัทลูกของบริษัท เชฟรอน จำกัด แห่งสหรัฐฯ ได้เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการในการยื่นฟ้องรัฐบาลไทย ในประเด็นปัญหาการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณที่จะหมดสัญญาสัมปทานเดือน เม.ย.2565 ซึ่งยอมรับว่าปัญหาดังกล่าว ทำให้มีความเสี่ยงในการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าและจะกระทบการผลิตก๊าซธรรมชาติ ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

นายสราวุธกล่าวว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เปิดประมูลแหล่งเอราวัณและผู้ชนะการประมูลเพื่อดำเนินการผลิตต่อหลังหมดอายุสัมปทาน คือ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ที่จะต้องเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการผลิตให้ต่อเนื่องและไม่มีผลกระทบ ซึ่งตามเป้าหมายเดิมได้กำหนดว่า ผู้รับสัมปทานรายใหม่ต้องได้รับความร่วมมือกับรายเดิมที่ผลิตก๊าซธรรมชาติอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคือเชฟรอน เพื่อเริ่มเข้าพื้นที่ได้ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา แต่พอมีปัญหานี้ยอมรับการผลิตของทั้งแหล่งเอราวัณบงกชจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย คือ 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งเรื่องนี้ทุกฝ่ายได้เตรียมพร้อมแก้ปัญหาคือ จะมีการเตรียมนำเข้า ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติที่อาจจะหายไปจากระบบการผลิตปกติ

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด กล่าวว่า ยังเชื่อมั่นว่า ปตท.สผ.ในฐานะเป็นโอเปอเรเตอร์รายใหม่ภายใต้ระบบแบ่งปันผลผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณ จะสามารถเข้าพื้นที่ และสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ต่อเนื่องตามกำหนดการที่วางไว้ ทั้งนี้ ปตท.ในฐานะดูแลความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ได้ร่วมวางแผนกับกระทรวงพลังงาน เพื่อเตรียมพร้อมด้วยการพิจารณาเรียกก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ในขณะนี้จากทุกแหล่งในประเทศเพิ่มขึ้นจากปกติ และจัดหาแอลเอ็นจีนำเข้าทั้งสัญญาแบบระยะยาว 5.2 ล้านตันต่อปี และสัญญาระยะสั้นเพิ่มเติม โดยมีสถานีรับ-จ่ายที่สถานีมาบตาพุด และหนองแฟบ จ.ระยอง เพื่อรองรับปัญหาดังกล่าว เรียบร้อยแล้ว

นายอรรถพลกล่าวว่า ปตท.สผ.ในฐานะเป็นโอเปอเรเตอร์รายใหม่ภายใต้ระบบแบ่งปันผลผลิต ในแหล่งเอราวัณเดิมตั้งเป้าหมายจะเข้าพื้นที่เพื่อติดตั้งแท่นผลิตเพิ่มอีกจำนวน 8 แท่นในปีนี้ และ ปตท.สผ.จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการรื้อถอนแท่นผลิตที่รัฐบาลรับโอนมาจากเชฟรอน ตามสัดส่วนเฉพาะที่ใช้ประโยชน์ได้เท่านั้น ในขณะที่กฎกระทรวงพลังงาน เรื่องการกำหนดแผนงาน ประมาณการค่าใช้จ่ายและหลักประกันในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม พ.ศ.2559 ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปิโตรเลียม ได้กำหนดให้เชฟรอนวางหลักประกันที่จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมทั้งหมด ทั้งในส่วนที่รัฐบาลรับโอนมาใช้ประโยชน์ต่อ 142 แท่น และส่วนที่รัฐบาลไม่ได้รับโอนอีก 49 แท่นด้วย ซึ่งในการฟ้องอนุญาโตตุลาการ ฝ่ายรัฐบาลของไทยได้เตรียมวงเงินงบประมาณดำเนินการไว้สู้คดี 450 ล้านบาท.