นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยปี 63 ว่า มีมูลค่ารวม 1,319,325 ล้านบาท ลดลง 1.70% เมื่อเทียบกับปี 62 แบ่งเป็น ไทยส่งออก 766,314 ล้านบาท ลด 2.16% และไทยนำเข้า 553,011 ล้านบาท ลด 1.05% แต่ไทยยังได้ดุลการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน 213,303 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ถือว่ามูลค่าการค้าชายแดนลดลงน้อยกว่าที่ประเมินไว้ และดีกว่าการส่งออกภาพรวมที่ลดลงมากกว่า ทั้งๆ ที่มีโควิด-19 ระบาด ทำให้ไทยและเพื่อนบ้านต้องปิดด่านการค้าและเงินบาทแข็งค่าทำให้ราคาสินค้าไทยสูงขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นมูลค่าการค้าชายแดน พบว่าอยู่ที่ 760,241 ล้านบาท ลดลง 8.01% โดยมาเลเซียยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 มีมูลค่าการค้ารวม 249,499 ล้านบาท ลดลง 9.10% รองลงมา คือ ลาว 189,836 ล้านบาท ลดลง 3.85% เมียนมา 164,779 ล้านบาท ลดลง 14.74% และกัมพูชา 156,127 ล้านบาท ลดลง 3.15% โดยสินค้าส่งออกสำคัญไปมาเลเซีย ได้แก่ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, ลาว คือ น้ำมันดีเซล สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ, เมียนมา ได้แก่ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำมันดีเซล และผ้าผืนและด้าย และกัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ และรถยนต์นั่ง
“ปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนลดลงมาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้ายืดเยื้อ ค่าเงินบาทแข็งค่า และโควิด-19 ที่ทำให้ไทยและประเทศเพื่อนบ้านปิดจุดผ่านแดนหลายแห่ง ปัจจุบัน เหลือจุดผ่านแดนที่เปิดทำการ 35 แห่ง จากทั้งหมด 97 แห่งทั่วประเทศ และในทุกๆแห่งก็เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจปล่อย/ขนส่งสินค้า”
ขณะที่การค้าผ่านแดนมีมูลค่า 559,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.41% โดยจีนยังคงเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 มีมูลค่าการค้า 238,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.01% รองลงมา คือ สิงคโปร์ 88,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.16% เวียดนาม มูลค่า 59,300 ล้านบาท ลดลง 10.79% และประเทศอื่นๆ 172,265 ล้านบาท ลดลง 1.30% สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญไปจีน ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ และยางพารา, สิงคโปร์ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า และเวียดนาม เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น.