“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” จ่อของบแก้หนี้-ฟื้นฟูเกษตรกร

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ได้หารือถึงเรื่องแนวทางการเข้าช่วยเหลือแก้หนี้เกษตรกรให้มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย และฟื้นฟูให้เกษตรกรกลับมายืนอยู่ได้โดยไม่กลับไปสู่วงจรหนี้ รวมถึงการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูฯให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขให้กองทุนฯเข้าไปซื้อหนี้เกษตรกรที่มีบุคคลค้ำประกันได้ จากเดิมทำไม่ได้ ทั้งนี้ ที่ประชุม

1.เห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ ให้คณะกรรมการบริหารหรือเลขาธิการกองทุน มีอำนาจผ่อนผันหรือขยายเวลาใช้คืนเงินต้นได้หากเกษตรกรประสบเหตุภัยธรรมชาติ 2.เห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯที่เปิดโอกาสให้คณะกรรมการจัดการหนี้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเก็บค่าเช่าซื้อ หรือระยะเวลาเช่าซื้อ ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ 3.เห็นชอบให้จัดการหนี้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนหนี้และผ่านการเห็นชอบจากอนุกรรมการจังหวัด จำนวน 3,648 ราย และเกษตรกรที่เป็นหนี้ NPA จำนวน 314 ราย 4.เห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีขยายกรอบวงเงินซื้อทรัพย์สินรอการขายทอดตลาด (NPA) และชำระหนี้เสีย (NPL) คงเหลือ จากเดิมไม่เกินรายละ 2.5 ล้านบาท เป็นไม่เกินรายละ 5 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการที่ พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯได้ปรับแก้ให้อำนาจกองทุนฯเข้าไปซื้อหนี้ประเภทบุคคลค้ำประกันได้ จะทำให้เกษตรกร 129,000 ราย ได้รับการช่วยเหลือ อีกทั้งมติที่ให้อำนาจสำนักงานกองทุนฯผ่อนผันหรือขยายเวลาชำระคืนเงินต้น จะเป็นการต่อลมหายใจของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรวม 20,000 กว่าราย

ด้านนางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมธนาคารได้ออก 2 มาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ทั้งพักหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน เติมทุนฉุกเฉินใช้ฟื้นฟูกิจการคิดดอกเบี้ย 4.99% ต่อปีตลอดอายุสัญญา

นายสุรชัย รัศมี รองผู้จัดการรักษาการแทนผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เผยว่า ในส่วนของ ธ.ก.ส.ได้กำหนดแนวทางการช่วยเหลือ ขยายเวลาชำระหนี้-ออกสินเชื่อฉุกเฉินป้องกันก่อหนี้นอกระบบ ไม่เกินรายละ 5 หมื่นบาท ดอกเบี้ย 0% พร้อมออกสินเชื่อฟื้นฟูซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและเครื่องมือทางการเกษตร วงเงิน 5,000 ล้านบาท.