พร้อมเพย์โอน 7 แสนฟรีค่าธรรมเนียม

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

พร้อมเพย์โอน 7 แสนฟรีค่าธรรมเนียม

Date Time: 28 ส.ค. 2561 09:40 น.

Summary

  • รัฐบาลดำเนินการโครงการเนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์มาแล้ว 2 ปี ปรากฏว่า มีประชาชนสมัครใช้พร้อมเพย์ 44.3 ล้านคน มียอดการโอนเงิน 2.6 ล้านล้านบาท และมีการทำรายการทั้งหมด 525 ล้านรายการ...

Latest

ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ส่ง Lightnet จับมือ WeLab ฟินเทคฮ่องกง ลงสนามชิงใบอนุญาตฯ Virtual Bank

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์การชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์ ว่า รัฐบาลดำเนินการโครงการเนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์มาแล้ว 2 ปี ปรากฏว่า มีประชาชนสมัครใช้พร้อมเพย์ 44.3 ล้านคน มียอดการโอนเงิน 2.6 ล้านล้านบาท และมีการทำรายการทั้งหมด 525 ล้านรายการ โดยยอดการใช้พร้อมเพย์และอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง เป็นส่วนหนึ่งในโครงการเนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์ ซึ่งหลังจากธนาคารพาณิชย์ได้ยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงิน ทำให้ประชาชนหันมาใช้ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น

ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขเดิมของพร้อมเพย์ กรณีโอนเงินไม่เกิน 5,000 บาท ฟรีค่าธรรมเนียม โอนเงิน 5,001-30,000 บาท เสียค่าธรรมเนียมรายการละ 2 บาท โอนเงิน 30,001-1 ล้านบาท เสียค่าธรรมเนียมรายการละ 5 บาท และโอนเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป เสียค่าธรรมเนียมรายการละ 10 บาท ล่าสุดได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยจะเพิ่มวงเงินการโอนเป็นไม่เกิน 700,000 บาท ไม่เสียค่าธรรมเนียม ในอีก 1-2 เดือน และจะเพิ่มขึ้นเป็นโอนไม่เกิน 2 ล้านบาท ไม่เสียค่าธรรมเนียม ซึ่ง ธปท.ระบุว่า สามารถดำเนินการได้ เพื่อให้ระบบการโอนเงินและการชำระเงินสอดคล้องกับโอนเงินในการซื้อขายหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ คณะกรรมการเนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์ ยังได้หารือกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปานครหลวง (กปน.)และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กรณีประชาชนชำระเงินค่าน้ำและค่าไฟฟ้านั้น คาดว่าสามารถโอนผ่านพร้อมเพย์ได้ภายใน 2-3 เดือน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม อีกทั้งยังมีการหรือถึงการวางแผนระบบเนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์ ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า โดย ธปท.จะเป็นหน่วยงานที่ไปพิจารณาวางแผนและพัฒนารูปแบบต่อไป รวมถึงจะมีมาตรการจูงใจให้เสียภาษีอย่างถูกต้องโปร่งใส ซึ่งจะช่วยลดการทุจริตได้ เช่น การจ่ายภาษีด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะได้ลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย จาก 3% เหลือ 2% เป็นต้น

“ขณะนี้ระบบเนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์ เดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ทุกอย่าง รวมถึงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% ให้ประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้เดือน ต.ค.นี้ เพื่อให้ประชาชนที่ยากจนจริงๆได้รับประโยชน์”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ