ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมพลังงาน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น OR ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
ล่าสุด OR ได้เผยถึงแผนธุรกิจภายใต้การนำของ ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ประกาศกลยุทธ์ดึงส่วนแบ่งตลาดน้ำมันกลับคืนสู่ระดับ 38% พร้อมปักธงรุกตลาดในกัมพูชา เพิ่มโอกาสธุรกิจต่างประเทศ ดันประเทศไทยเป็น "Oil Hub" หรือศูนย์กลางธุรกิจน้ำมันในภูมิภาค
ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น OR เปิดเผยว่า OR ต้องกลับมาทบทวนตัวเองว่า ส่วนแบ่งตลาดที่หายไปเกิดจากอะไร และปรับปรุงโครงสร้างภายใน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยเน้นการบริหารจัดการต้นทุนเป็นหลัก และใช้พื้นที่ในสถานีบริการให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของธุรกิจไลฟ์สไตล์ OR เตรียมหาแบรนด์ใหม่เข้ามาทดแทน Texas Chicken เพื่อบริหารพื้นที่เดิมให้เกิดประโยชน์ พร้อมใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมต่อยอดเป็นธุรกิจที่สามารถดึงดูดลูกค้าเข้าสู่สถานีบริการน้ำมันมากขึ้น หรือเป็น “Next Amazon” ซึ่งมองว่าจะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ช่วยเสริมรายได้และความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
ขณะเดียวกัน แม้ว่าธุรกิจน้ำมันจะยังคงเป็นแกนหลักของ OR แต่บริษัทต้องเตรียมความพร้อมสู่ยุคเปลี่ยนผ่านพลังงานไฟฟ้าด้วย เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพดีกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และเป็นแนวทางที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศ บริษัทจึงมุ่งพัฒนานวัตกรรม สถานีชาร์จ EV และบริการเสริมเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
โดยเชื่อว่าจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาด (Market share) กลับสู่ระดับใกล้เคียงปี 2566 ที่ระดับ 38% จากปัจจุบันอยู่ที่ 35-36%
นอกจากนี้ หนึ่งในแผนสำคัญของ OR คือการรุกตลาดในกัมพูชา เพิ่มโอกาสในการเติบโต ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกของการขยายธุรกิจน้ำมันและพลังงานในระดับภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น "Oil Hub" หรือศูนย์กลางธุรกิจน้ำมัน
ม.ล.ปีกทอง กล่าวเสริมว่า สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ OR เคยเผชิญในอดีต บริษัทได้พิสูจน์แล้วว่าข้อมูลที่ถูกโจมตีนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมย้ำถึงบทบาทของ OR ในฐานะผู้รักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
อย่างไรก็ตาม OR จะใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ที่สามารถดึงดูดส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเติม พร้อมเปิดแนวทางการลงทุนในปี 2568 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท จากแผน 5 ปี ที่ 6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ จะมีการลงทุนในธุรกิจต่างๆ เพิ่มเติม โดยยึด 4 ปัจจัยหลักได้แก่ มีความร่วมมือระหว่างกันระหว่างธุรกิจ (Synergy), มีโอกาสในการขยายธุรกิจ (Scalability) ,มีขนาดที่เหมาะสมกับ OR (Size) และการเข้าลงทุนจะสามารถส่งเสริมการเติบโตระหว่างกันในอนาคต
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้