ตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญกับปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ ๆ เข้ามาอย่างชัดเจน นักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ตัวเลขต่าง ๆ ของเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในยุคของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก
ขณะเดียวกัน การใช้ "โรบอทเทรด" หรือการซื้อขายด้วยโปรแกรมอัตโนมัติในตลาดหุ้นไทย ยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ให้ความสนใจ โดยเฉพาะในช่วงที่มูลค่าการซื้อขายยังคงเบาบางเช่นนี้ ทำให้เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นมาว่า บทบาทของโรบอทเทรดอาจเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นไทย และกดดันภาพรวมของดัชนีได้
ทั้งนี้ สะท้อนจากหุ้นไทยที่ปรับลดลงอย่างหนักวานนี้ (24 ม.ค. 68) โดยปิดตลาดที่ระดับ 1,344.17 จุด ลดลง 17.60 จุด หรือ -1.29% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าซื้อขายเพียง 34,420.86 ล้านบาท พบว่ามีการเทขายจากโปรแกรมออกมากว่า 4,316.06 ล้านบาท
สำหรับหุ้นที่มีสัดส่วนการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโปรแกรมเทรดสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรง ส่วนหนึ่งเกิดจากต่างชาติขายสุทธิสูงถึง 4.39 พันล้านบาท โดยหลัก ๆ น่าจะเกิดจากการขายผ่านโปรแกรมเทรดที่ขายสุทธิออกมาสูงถึง 4.32 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการขายภายในวันเดียวที่สูงที่สุดในปีนี้
และหากวิเคราะห์มูลค่าซื้อขายพบว่า ต่างชาติมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 51.1% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด และหลัก ๆ ยังเป็นการซื้อขายผ่านโปรแกรมเทรด 46.7% ขณะที่รายย่อยมีสัดส่วนการซื้อขาย 30.3%
ดังนั้น ตลาดที่มีการซื้อขายด้วยโปรแกรมเทรดเกือบครึ่ง อาจเพิ่มความผันผวน ยามตลาดหุ้นไทยมูลค่าซื้อขายเบาบาง รวมถึงราคาหุ้นบางบริษัทอาจมีความผันผวนมากขึ้นหากกราฟทางเทคนิคมีการเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ
อ่านข่าวหุ้นและการลงทุนกับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้