วานนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกาศแต่งตั้ง ซิกเว่ เบรกเก้ (Sigve Brekke) ให้ดำรงตำแหน่ง “ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัล เครือเจริญโภคภัณฑ์” รับผิดชอบการดำเนินธุรกิจกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัลในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะมีผลในวันที่ 1 มีนาคม 2568
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่าการเข้ามารับตำแหน่งของ “ซิกเว่ เบรกเก้” เป็นบวก เนื่องจากคาดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร และการควบคุมค่าใช้จ่ายของ TRUE แต่ในอีกด้านหนึ่ง ราคาคลื่น 2300MHz ที่สูงกว่าคาดเป็นความเสี่ยงด้าน downside สำหรับ TRUE
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มสื่อสาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความมั่นคงทั้งด้านผลประกอบการและการเคลื่อนไหวของราคา
โดยการแต่งตั้งคุณซิกเว่ เบรกเก้ อดีต CEO ของ Telenor Group เป็นประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัลของเครือเจริญโภคภัณฑ์ คาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารและการควบคุมค่าใช้จ่ายของ TRUE
นอกจากนี้คาดว่า TRUE จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 ที่ดี โดย EBITDA จะเติบโตทั้งเทียบไตรมาสก่อนและปีก่อน จากรายได้ต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังการแข่งขันด้านราคาลดลง
ประกอบกับการลดต้นทุนและประโยชน์จากการควบรวมกิจการจะส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานหลักปรับตัวดีขึ้นและต่อเนื่องไปในปี 2568 โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นโอกาสในการทยอยสะสม แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาพื้นฐาน 12.10 บาท
ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับลดคำแนะนำ TRUE เป็น “ขาย” จาก “ถือ” โดยราคาคลื่น 2300MHz ที่สูงกว่าคาดเป็นความเสี่ยงด้าน downside สำหรับ TRUE จากแรงจูงใจของต้นทุนคลื่นความถี่ที่น่าดึงดูด ผู้ประกอบการอาจเคลื่อนไหวเพื่อซื้อ bandwidth เพิ่มเติม
โดยมีโอกาสที่จะมี CAPEX สูงกว่าที่คาดการณ์ ความสนใจที่น่าจะสูงในคลื่น 2300MHz อาจจุดชนวนให้เกิดการแข่งขันด้านราคาระหว่างผู้เข้าประมูล เนื่องจาก TRUE จะต้องปกป้องสล็อตที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ เชื่อว่าการเพิ่มของอัตรากำไรตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไปจะน้อยกว่าปี 2567 ความพยายามในการควบคุมต้นทุนได้ถูกนำมาใช้และถูกคำนวณราคาไว้แล้ว ส่วนผลประโยชน์จากการ synergy ด้าน OPEX เครือข่ายน่าจะน้อยลงตั้งแต่ปี 2568 เนื่องจากประโยชน์ส่วนใหญ่ควรสะท้อนในปี 2567 ดังนั้น คาดว่าการเติบโตของ EBITDA จะสูงสุดที่ 14.4% ในปี 2567 จากนั้นจะลดลงเหลือ 0.5-2.3% ในปี 2568-2569
นอกจากนี้ การจ่ายเงินปันผลครั้งแรกไม่เกิดขึ้นจนถึงต้นปี 2569 จากคาดว่ากระแสเงินสดอิสระจะปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังจากกำไรเป็นบวกในครึ่งหลังปี 2568 TRUE น่าจะให้ความสำคัญกับการลดไซต์และเตรียมพร้อมสำหรับวงจร CAPEX ใหม่ ในขณะที่ลดหนี้เพื่อฟื้นฟูงบดุลก่อนพิจารณาเงินปันผล
เราคาดการณ์กระแสเงินสดเป็นบวกตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไปเป็นอย่างเร็ว ขณะนี้เราคาดการณ์การจ่ายเงินปันผลเล็กน้อยที่ 0.03 บาท/หุ้นจากกำไรในครึ่งหลังปี 2568 และ 0.13 บาท/หุ้นในปี 2569 ซึ่งหมายถึงอัตราการจ่ายที่ 40% และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 0.3%-1.1%
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney