ตลาดหุ้นไทยเปิดปีมาไม่สวยงามนัก วันแรกดัชนีลดลงกว่า 20 จุด โดยผลกระทบสำคัญมาจากการเริ่มบังคับใช้ ภาษีใหม่ ที่เรียกว่า GLOBAL MINIMUM TAX ที่ต้องการให้เอกชนที่ได้รับประโยชน์ทางภาษี ต้องเสียภาษีขั้นต่ำ 15% เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ขององค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของแต่ละประเทศ ทำให้หุ้นใหญ่หลายตัวที่ได้รับประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีต้องมีต้นทุนด้านภาษีที่เพิ่มขึ้น
โดย บล.เอเซีย พลัสได้รวบรวมบริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบกับกฎหมายดังกล่าว โดยพบว่าอาจฉุดประมาณการกำไรสุทธิในปี 2568 ถึง 13%
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า สำหรับประเด็น GLOBAL MINIMUM TAX กระทบกับหุ้นไทยอย่างไรบ้าง เป็นประเด็นเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีนิติบุคคลในไทย เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ขององค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ด้วยมาตรการ PILLAR 2 จัดเก็บภาษีเพิ่มเติมจากบริษัทที่เข้าเกณฑ์ตามมาตรการต้องเสียภาษีขั้นต่ำ (GLOBAL MINIMUM TAX) ในอัตรา 15% เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป
ฝ่ายวิจัยสรุปบริษัทที่จดทะเบียนในตลท.ที่ศึกษาและมีฐานรายได้เข้าเกณฑ์มากกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท พบว่าส่วนใหญ่ที่ EFFECTIVE TAX RATE ต่ำกว่า 15% เป็นเพราะการได้รับ BOI ของธุรกิจในประเทศ ซึ่งน่าจะมีแนวทางแก้ไขหรือลดผลกระทบ บริษัทที่จดทะเบียนที่ตลท.ที่ฝ่ายวิจัยศึกษาและมีรายได้มูลค่าสูงกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท โดยในเบื้องต้นได้รวบรวมผลกระทบใน 9 บริษัท ได้แก่
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี67 ที่ผ่านมา DELTA มีรายได้รวม 1.6 แสนล้านบาท และจ่ายภาษีที่อัตรา 2.4% เพราะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI และมีโรงงานหลักอยู่ในไทยที่กำลังจะเข้า OECD ซึ่งหากต้องปรับไปใช้ภาษี 15% ตามเกณฑ์ของ OECD จะทำให้ภาษีจ่ายจะเพิ่มขึ้น 12% - 13% อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะได้รับการเยียวยา BOI
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยได้ประเมินผลการดำเนินงานและมูลค่าหุ้น DELTA อย่างอนุรักษ์นิยม โดยกำหนดให้จ่ายอัตราภาษีที่ 15% ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไปในประมาณการแล้ว TU - ปี 2566 รายได้ทั้งกลุ่มอยู่ที่ 1.36 แสนล้านบาท และ 9M67 รวม 1.03 แสนล้านบาท ขณะที่ทั้งกลุ่มเสียภาษีหรือ (EFFECTIVE TAX RATE) 9 เดือนแรก อยู่ที่ 7.6% ต่ำกว่า GMT ที่ 15% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้สิทธิทางภาษี BOI ในไทย ทำให้ภาษีธุรกิจในไทยอยู่ระดับต่ำ
ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูลกับทางบริษัทเบื้องต้น แจ้งว่าตอนนี้อยู่ระหว่างประเมินผลกระทบและรอความชัดเจนของภาครัฐ รวมถึงแนวทางการช่วยเหลือของ BOI ก่อน อย่างไรก็ดีหากประเมินผลกระทบภายใต้กรณีภาษีขึ้นเป็น 15% และองค์ประกอบอื่นคงที่ในปี 2568 (จากสมมติฐานของฝ่ายวิจัยกำหนดอัตราภาษีในประมาณการระดับ 7%) คาดส่งผลให้กำไรปี 2568 ลดลงราว 10%
GULF มีการลงทุนในกลุ่มประเทศ OECD คือ สหรัฐฯ และเยอรมนีในปี 2566 โดยในงวด 9 เดือนแรก มี EFFECTIVE TAX RATE ที่ 3.1% และ 2.6% ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่า GMT ที่ 15% เบื้องต้นหากปรับปรุงอัตราภาษีใหม่ในปี 2568 ขึ้นมาอยู่ที่ 15% จากประมาณการเดิมที่ 1.3% คาดจะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2568 ลดลงจากเดิมราว 13.4% มาอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท
BPP มีการลงทุนในกลุ่มประเทศ OECD คือสหรัฐฯ โดยปี 2566 และ 9 เดือนแรกของปี 67 มี EFFECTIVE TAX RATE ที่ 5.9% และ 9.5% ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่า GMT ที่ 15% เบื้องต้นหากปรับปรุงอัตราภาษีใหม่ในปี 2568 ขึ้นมาอยู่ที่ 15% จากประมาณการเดิมที่ 6.6% คาดจะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2568 ลดลงจากเดิมราว 9.0% มาอยู่ที่ 3.0 พันล้านบาท
EGCO มีการลงทุนในกลุ่ม OECD คือสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยปี 2566 และ 9เดือนแรก67 มี EFFECTIVE TAX RATE ที่ 8.3% และ 14.1% ตามลำดับ เบื้องต้นหากปรับปรุงอัตราภาษีใหม่ในปี 2568 ขึ้นมาอยู่ที่ 15% จากประมาณการเดิมที่ 11.4% คาดจะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2568 ลดลงจากเดิมราว 4.1% มาอยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท
BGRIM มีการรับรู้รายได้รวมจากในประเทศไทยและต่างประเทศ เข้าเกณฑ์เกิน 2.6 หมื่นล้านบาท/ปี และมีการลงทุนในประเทศสมาชิก OECD เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐฯ เป็นต้น โดยในปี 2566 และ 9 เดือนแรกของปี 67 มี EFFECTIVE TAX RATE ที่ 8.1% และ 16.0% ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม ในประมาณการปี 2568 ของฝ่ายวิจัย เบื้องต้นกำหนดสมมติฐานอัตราภาษีของ BGRIM ที่ 7.3% ซึ่งหากปรับปรุงอัตราภาษีใหม่ที่ 15% คาดจะส่งผลกระทบต่อกำไรปี 2568 ให้ลดลง 8.3% จากเดิมมาอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท
GPSC มี EFFECTIVE TAX RATE ปี 2566 และ 9M67 ที่ 9.5% และ 1.4% ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามในประมาณการปี 2568 ของฝ่ายวิจัย ได้กำหนดให้มี EFFECTIVE TAX RATE เกินเกณฑ์ 15% แล้ว จึงคาดจะมีผลกระทบจำกัดต่อประมาณการกำไรในปัจจุบันของ GPSC
RATCH มี EFFECTIVE TAX RATE ปี 2566 และ 9 เดือนแรก ของปี67 ที่ 13.6% และ 11.6% ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามในประมาณการปี 2568 ของฝ่ายวิจัย ได้กำหนดให้มี EFFECTIVE TAX RATE เกินเกณฑ์ 15% แล้ว จึงคาดจะมีผลกระทบจำกัดต่อประมาณการกำไรในปัจจุบัน
RCL มีการลงทุนในกลุ่มประเทศ OECD คือ มีสำนักงานตัวแทนในเกาหลีใต้, ปี 2566 และ 9 เดือนแรกของปี 67 มี EFFECTIVE TAX RATE ที่ 7% และ 1.5% ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่า GMT ที่ 15%, เบื้องต้นหากปรับปรุงอัตราภาษีใหม่ในปี 2568 ขึ้นมาอยู่ที่ 15% คาดจะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2568 ลดลงจากเดิมราว 5.5% มาอยู่ที่ 2.69 พันล้านบาท
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่