จับเทรนด์ลงทุนเดือนพ.ย. แนะลุยหุ้นกู้ - หนีเลือกตั้งสหรัฐปั่นป่วน ดอกเบี้ยสูง ลุ้นกำไรCapital Gain

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จับเทรนด์ลงทุนเดือนพ.ย. แนะลุยหุ้นกู้ - หนีเลือกตั้งสหรัฐปั่นป่วน ดอกเบี้ยสูง ลุ้นกำไรCapital Gain

Date Time: 1 พ.ย. 2567 13:10 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • จับเทรนด์การลงทุนในเดือน พฤศจิกายน ตลาดหุ้นอัพไซด์แคบ แนะหนีลงทุนหุ้นกู้ จับตาเลือกตั้งสหรัฐฯตัวกำหนดเกม

Latest


เข้าสู่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2567 การลงทุนเริ่มเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ชี้ขาดการลงทุนหลังจากนี้ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น ในขณะที่ตลาดหุ้นกู้กลับโดดเด่น โดยเฉพาะโอกาสได้กำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นกู้ด้วย

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) มุมมองเดือนพฤศจิกายน: ผันผวนตามปัจจัยไม่แน่นอนในต่างประเทศ แนะนำ stay defensive เพื่อติดตามผลเลือกตั้งสหรัฐฯ และผลประชุมเฟด ในเดือนพฤศจิกายน ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มจะผันผวนก่อนเหตุการณ์สำคัญในสหรัฐ อย่างเช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดี และการประชุม FOMC

ทั้งนี้ จากมุมมองล่าสุดของตลาด โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดอยู่ในโหมดลดความเสี่ยง ก่อนจะทราบผลการเลือกตั้ง ทั้งนี้ หาก Trump ชนะการเลือกตั้งอาจจะทำให้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทย เรามองว่าแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทไทยในไตรมาสที่ 3 ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ซึ่งจะทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกรอดูสถานการณ์ไปก่อน

ในขณะเดียวกัน ดัชนีหุ้นย่อลงมาบ้างในสัปดาห์ที่แล้ว และเรามองว่าตลาดมีความเสี่ยงทางที่จำกัด ซึ่งเมื่ออิงจากการคำนวณ ‘forward earnings yield gap’ โดยใช้สมมติฐาน yield gap ที่ 4.6% (ค่าเฉลี่ย + 1.0 S.D.) และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ที่ 2.50% เราคิดว่าดัชนีหุ้นไทยไม่น่าจะตกลงไปต่ำกว่า 1,420 จุด

สำหรับหุ้นแนะนำในเดือนพฤศจิกายน: AAV*, BH*, AMATA*, CPN* และ SYNEX AAV*: เราคาดว่ากำไรสุทธิของ AAV ในไตรมาสที่ 3 จะออกมาแข็งแกร่งมากที่ 3.65 พันล้านบาท เนื่องจากคาดว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนก้อนใหญ่ 4.3 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรปกติในไตรมาส 3 จะอยู่ที่ 271 ล้านบาท โดยเราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2567F เป็น 2.78 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 496.6% จากปีก่อน และปี 2568F เป็น 2.85 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% จากปีก่อน

BH: เราคาดว่ากำไรสุทธิของ BH จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.17 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% จากปีก่อน ในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลประกอบการแข็งแกร่งที่สุดในรอบปีตามฤดูกาล เราจึงคาดว่ากำไรจะคิดเป็น 27.7% ของประมาณการกำไรเต็มปีที่ 7.84 พันล้านบาท เรามองว่า BH มีโอกาสสูงที่จะได้รับคัดเลือกจากรัฐบาลคูเวตให้เป็นโรงพยาบาลเป้าหมายสำหรับผู้ป่วยชาวคูเวต

เอกราช ศรีศุภวิชากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายลูกค้าธนบดี บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในช่วง 2 เดือนสุดท้ายในปีนี้ มองว่าปัจจัยกดดันจะเป็นเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะกำหนดทิศทางการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ ไปจนถึงต้นปีหน้า กดดันให้ตลาดหุ้นมีอัพไซด์ที่จำกัด สวนทางกับตลาดตราสารหนี้ ที่เป็นโอกาสลงทุนมากกว่า

“การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสิ่งที่ต้องจับตามาก และจะกำหนดทิศทางการลงทุนหลังจากนี้ ซึ่งในช่วงที่เหลือ 2 เดือนนี้ตลาดหุ้นมีความน่าสนใจที่น้อยกว่าหุ้นกู้”

ทั้งนี้ตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรง ทำให้อัพไซด์จำกัด ในขณะที่ดาวน์ไซด์นั้นเปิดกว้างมาก สวนทางกับตลาดตราสารหนี้ ที่ปัจจุบันแม้ดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายที่จะสามารถลงทุนหุ้นกู้ที่ดอกเบี้ยสูงได้

จุดเด่นของหุ้นกู้นอกจากได้รับดอกเบี้ยสูงแล้ว ยังมีโอกาสได้กำไรจากราคาของตราสารหนี้ด้วย โดยเฉพาะในตราสารหนี้ระยะยาว ที่หากดอกเบี้ยปรับตัวลดลง ก็มีโอกาสที่จะได้กำไรจากราคาคูปองด้วย ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นจะทำได้เพียงแค่เซคเตอร์โรเทชั่น โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นที่มีผลประกอบการดีในช่วงไตรมาสที่ 3


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ