หุ้นไทยอาจซึมยาว! หลัง DELTA ทุบตลาดหุ้นร่วง 22 จุด โบรกฯ ชี้ ดัชนีถูกบิดเบือน มีแต่ทรงกับทรุด
Date Time: 21 พ.ย. 2567 17:13 น.
“Summary“
- หุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงแรง หลัง DELTA ราคาร่วงกดดันดัชนีกว่า 22 จุด นักวิเคราะห์ฯ ประเมินว่า ใน 3 สัปดาห์ข้างหน้าราคาหุ้น DELTA จะมีแต่ “ทรงกับทรุด” ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยต่อได้
หุ้นไทยวันนี้ร่วงหนัก! ปิดตลาดหุ้นบ่าย ลดลง 22.02 จุด หรือ -1.51% ดัชนีอยู่ที่ 1,440.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,514.94 ล้านบาท หลังบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น DELTA ถูกจับเข้ามาตรการคุมหุ้นร้อน ทำให้ราคาหุ้นลดลง 28.50 บาท หรือ -16.43% อยู่ที่ 145 บาทต่อหุ้น กดดันดัชนีอย่างหนัก
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินว่า ใน 3 สัปดาห์ข้างหน้าราคาหุ้น DELTA จะมีแต่ “ทรงกับทรุด” ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยต่อได้ แนะนักลงทุนต้องแยกระหว่าง "ภาพตลาด" กับ "หุ้นรายตัว" หลังภาพรวมหุ้นไทยโดนบิดเบือนจาก DELTA เชื่อว่ายังมีโอกาสลงทุนได้ แต่ต้อง “Selective Buy”
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ให้ความเห็นกับ “Thairath Money” ว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง มากกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค หลักๆ มาจาก DELTA ที่ถือเป็นปัจจัยถ่วงตลาด โดยราคาลดลงเกือบ 30 บาท กดดันดัชนีหุ้นไทยราว 30 จุด แม้มีการปรับตัวขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มอื่นๆ
โดยราคาหุ้น DELTA ปรับตัวลดลงแรง หลังจากตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งให้มีการซื้อหลักทรัพย์ด้วยบัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการกำกับการซื้อขายที่ช่วยชะลอความร้อนแรงของราคาหุ้น
ทั้งนี้ หากประเมินไปอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า มองว่าราคาหุ้น DELTA จะมีแต่ทรงกับทรุด และอาจเป็นปัจจัยที่ยังกดดันภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยได้อยู่ ซึ่งหากราคาหุ้นมีความหวือหวาอีกครั้ง อาจส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขยายเวลาในการบังคับใช้มาตรการหรือเพิ่มระดับมาตรการกำกับซื้อขายได้ ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งตัว (Sideway) หรือแกว่งตัวลง (Sideway Down)
อภิชาติ ชี้ให้เห็นว่า ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยถูกบิดเบือนจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น DELTA ซึ่งนักลงทุนต้องแยกระหว่าง “ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้น” และ “การลงทุนในหุ้นรายตัว” อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถลงทุนได้ โดยเน้นเลือกลงทุน หรือ “Selective Buy” เพื่อหาจังหวะสะสม
โดยแนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่มที่อิงกับการบริโภคในประเทศ เช่น CPALL และ CPAXT เป็นต้น โดยมองว่าจะได้ประโยชน์จากการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่เป็นขาขึ้น จากการเข้าสู่ไฮซีซั่น
นอกจากนี้ แนะนำหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เนื่องจากถือเป็นหุ้นที่มีความผันผวนของราคาต่ำ (Defensive) เช่น ADVANC เป็นต้น
โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ (22 พ.ย.67) มีแนวรับอยู่ที่ 1,430 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450-1,455 จุด
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
Author
