ตลท. เผย ยอดเปิดบัญชีใหม่ทะลุ 2 แสน ลุยทำ “SET สัญจร” สร้างฐานใหม่  นัดพบสถานทูต ดึงต่างชาติเพิ่ม

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ตลท. เผย ยอดเปิดบัญชีใหม่ทะลุ 2 แสน ลุยทำ “SET สัญจร” สร้างฐานใหม่ นัดพบสถานทูต ดึงต่างชาติเพิ่ม

Date Time: 10 ต.ค. 2567 16:30 น.

Video

สาเหตุที่ทำให้ Intel อดีตยักษ์ใหญ่ชิปโลก ล้าหลังยุค AI | Digital Frontiers

Summary

  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยยอดเปิดบัญชีหลักทรัพย์ใหม่กว่า 200,000-300,000 บัญชี ล่าสุด ลุย “ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร” หวังสร้างฐานนักลงทุนใหม่ๆ พร้อมหารือกับนักลงทุนต่างชาติและสถานทูต เพื่อสร้างความมั่นใจในตลาดหุ้นไทย

Latest


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เดินหน้ารักษาสมดุลจากนักลงทุนทุกกลุ่ม ล่าสุดได้เน้นการสนับสนุนนักลงทุนในประเทศ ผ่านโครงการ “ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร” ซึ่งได้รับการตอบรับดี โดยเฉพาะจากนักลงทุนรุ่นใหม่


นอกจากนี้ ยังได้หารือกับนักลงทุนต่างชาติและสถานทูต เพื่อสร้างความมั่นใจในตลาดหุ้นไทย รวมถึงเข้าปรึกษาพูดคุยกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ในการพัฒนากองทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ESG ด้วย


อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลตั้งแต่ต้นปี 2567 มีการเปิดบัญชีหลักทรัพย์ใหม่แล้วกว่า 200,000-300,000 บัญชี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย


อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวทางที่จะรักษาความสมดุลของสัดส่วนผู้ลงทุนทุกกลุ่ม ทั้งนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศ


ซึ่งที่ผ่านมาให้การได้สนับสนุนนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก ผ่านการทำโครงการ “ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร” ในต่างจังหวัด เพื่อให้ความรู้และให้มีการเข้าถึงตลาดทุนไม่กระจุกตัวเพียงเฉพาะแค่คนเมือง


จากการจัดงาน “ตลาดหลักทรัพย์ฯ สัญจร” ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และขอนแก่น พบว่า ได้รับการตอบรับดีกว่าที่คาดไว้ และนักลงทุนรุ่นใหม่ให้ความสนใจค่อนข้างมาก ขณะที่ยอดเปิดบัญชีใหม่นับตั้งแต่ต้นปี 2567 อยู่ที่ราว 200,000-300,000 บัญชี


ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีการนัดคุยกับสถานทูตและนักลงทุนต่างประเทศด้วย โดยพบว่านักลงทุนต่างประเทศยังให้ความสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง


พร้อมกันนี้ ได้มีการปรึกษาสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ในหลายประเด็น โดยเฉพาะการสนับสนุนเพื่อออกกองทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ESG รวมถึงมีความร่วมมือระหว่าง บลจ. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ความรู้นักลงทุนเกี่ยวกับกองทุน ThaiESG อย่างต่อเนื่อง พร้อมเชื่อว่าเกณฑ์การประเมินด้าน ESG จะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต สำหรับนักลงทุนสถาบัน


อัสสเดช กล่าวอีกว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยน่าจะดีขึ้น และเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ ที่ยังเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไม่เต็มที่นัก ขณะที่กองทุน ThaiESG คาดว่าจะมียอดการลงทุนเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4/67 เนื่องจากเป็นการลงทุนเพื่อบริหารภาษีนั้น เชื่อว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้


ด้าน ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปียังมีปัจจัยหนุนรออยู่ ได้แก่ การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงกำไรของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/67 ที่จะประกาศออกมา ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/67 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ


อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในประเทศ Emerging Market เริ่มเห็นสัญญาณเงินลงทุนต่างชาติเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นอาเซียน ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นส่วนใหญ่มีการปรับเพิ่มขึ้นมากในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ตามลำดับ


ทั้งนี้ เชื่อว่าทิศทางกระแสเงินลงทุนต่างชาติจะไหลเข้าได้ต่อเนื่อง หากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/67 ของบริษัทจดทะเบียนออกมาเป็นที่น่าพอใจ แต่ต้องติดตามต่อว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร เนื่องจากช่วงไตรมาส 4/67 จะเป็นช่วงปิดงบที่นักลงทุนต่างชาติมักจะมีการชะลอลงทุน


ในเดือนกันยายนถือเป็นจุดเปลี่ยน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1.448.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.6% จากสิ้นเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 ทำให้เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 หุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3%

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ