หวัง เศรษฐกิจ-บาทแข็ง เป็นใจ ลุ้น “ฝรั่ง” ซื้อสุทธิ ดันหุ้นไทย ไป 1,614 จุด ในปี 68

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หวัง เศรษฐกิจ-บาทแข็ง เป็นใจ ลุ้น “ฝรั่ง” ซื้อสุทธิ ดันหุ้นไทย ไป 1,614 จุด ในปี 68

Date Time: 3 ต.ค. 2567 09:52 น.

Video

คนไทยจ่ายภาษีน้อย มนุษย์เงินเดือนรับจบ ปัญหาอยู่ที่ระบบหรือคนกันแน่ ? | Money Issue

Summary

  • นักวิเคราะห์ฯ ประเมินว่า ปัจจุบันสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีต ประกอบกับความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับมา ทำให้คาดว่าปี 2568 นักลงทุนต่างชาติมีโอกาส “ซื้อสุทธิ” ในตลาดหุ้นไทยได้ ทั้งนี้ ประเมินเป้าหมายดัชนีที่ 1,614 จุด

Latest


สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้น โดยเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 1,494 จุด และคาดว่าจะไปสิ้นสุดที่ 1,614 จุด ในปี 2568 นอกจากนี้ ยังประเมินว่า ทิศทางกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติ มีแนวโน้มที่จะไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นด้วย


ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ฯ ยังประเมินว่า ปัจจุบันสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติถือว่าอยู่ที่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีต และประกอบกับความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับมา ทำให้คาดว่าปี 2568 นักลงทุนต่างชาติมีโอกาส “ซื้อสุทธิ” ในตลาดหุ้นไทยได้


อย่างไรก็ตาม ปี 2568 คาดว่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง แต่นั่นอาจเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติ พิจารณาการลงทุนในหุ้นไทยที่มีขนาดใหญ่และสภาพคล่องสูงเพิ่มขึ้น เพื่อคาดหวังกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย


สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) แถลงผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน ต่อมุมมองในด้านการลงทุนและคาดการณ์ทิศทางดัชนีหุ้นไทย (SET Index) คาดเป้าหมายดัชนี ณ วันสิ้นปี 2567 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,494 จุด  และคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยตลอดปี 2568 จะแกว่งตัวในกรอบ 1,365-1,634 จุด โดยไปปิดสิ้นปี 2568 ที่ 1,614 จุด


สำหรับทิศทางกระแสเงินลงทุนต่างชาติต่อจากนี้ ประเมินว่าน่าจะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยชัดเจนมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ฯ หลายค่ายก็มองฟันโฟลว์จะเข้ามาต่อเนื่อง


ส่วนตัวมองว่าปัจจุบันเป็นจุดกลับตัวครั้งสำคัญ เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั้งรัฐบาล บรรยากาศทางการเมือง และนโยบายต่างๆ ค่อนข้างมีความน่าสนใจ เช่น โครงการ Entertainment Complex ที่เชื่อว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่หากดำเนินการสำเร็จ จะสร้างผลกระทบเชิงบวกในเชิงเศรษฐกิจไทยได้มาก


เนื่องจากภาครัฐอาจเก็บภาษีในส่วนนี้ได้มากขึ้น และนำไปใช้ประโยชน์ในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้น เช่น แนวคิดการลดทอนภาษีภาคธุรกิจและภาคประชาชนลง เป็นต้น


“ภาพรวมหลายด้าน มีความน่าสนใจมากขึ้น จากเดิมที่นักลงทุนต่างประเทศแทบจะโบกมือลาเราแล้ว แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี” สมบัติ กล่าว


ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นกลับมา สะท้อนจากผลสำรวจที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อประเด็นการเมืองในประเทศที่มีมากขึ้น และเชื่อว่างบประมาณปี 67-68 มีเพียงพอที่จะผลักดันเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันปริมาณการซื้อขาย (Volume) ก็เริ่มขยับขึ้นมาแล้ว


ทำให้เชื่อว่ามีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะกระจายเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ด้วยการสัดส่วนการถือครองทางตรงของนักลงทุนต่างชาติ ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำราว 20% และประเมินว่าปี 2568 มีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติน่าจะกลับมาซื้อสุทธิ (Net buy) ในตลาดหุ้นไทยได้


อย่างไรก็ดี ในปี 2568 ค่าเงินบาท จะอยู่ในโซนล่าง 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีโอกาสหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าไทย ส่งผลให้บาทมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง


ซึ่งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท มองว่าเป็นหุ้นขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง จะได้อานิสงส์จากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้อ เพื่อหวังกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงหุ้นนำเข้าที่จะมีต้นทุนถูกลง และหุ้นที่มีการกู้ยืมในสกุลเงินต่างประเทศ เป็นต้น

 

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ