ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง, นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ร่วมกันแถลงข่าว “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” ประเภท ก. วงเงิน 100,000-150,000 ล้านบาท โดยลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาทต่อคน หน่วยละ 10 บาท คาดเปิดขาย ก.ย.นี้
โดยนายพิชัยกล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้กระทรวงการคลังเดินหน้ากองทุนวายุภักษ์หนึ่ง โดยเตรียมจะเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. และนำเข้าจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในเดือน ก.ย.67 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน เพิ่มทางเลือกการออมและการลงทุนให้กับประชาชนและนักลงทุนทั่วไปในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ และส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านกองทุนวายุภักษ์หนึ่ง ซึ่งจะสร้างแรงกระตุ้นการลงทุน และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน โดยพบว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยรวมกว่า 530,000 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ มูลค่าการระดมทุนของตลาดตราสารทุนและตราสารหนี้มีอัตราที่ชะลอตัวลง สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประชาชนและนักลงทุนสถาบันในประเทศ ยังมีสภาพคล่องส่วนเกิน 4-5 ล้านล้านบาท จากสภาพคล่องที่มีอยู่ 23-24 ล้านล้านบาท
นายพิชัยกล่าวต่อว่า กระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในรูปแบบการจัดสรรหุ้น Small Lot First กำหนดลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาทต่อคน และกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง จะมีเงินปันผลในแต่ละปีตามอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ และไม่เกินกว่าผลตอบแทนขั้นสูง ซึ่งกองทุนจะเป็นทางเลือกที่ดีเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำ และกองทุนมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เพราะเป็นโครงสร้างของกองทุน water fall ทั้งนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ Thai ESG เพื่อส่งเสริมการออมและการลงทุนระยะยาวในกิจการที่คำนึงถึง ESG ขณะนี้เราได้เตรียมการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ของกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง และกำลังพิจารณามาตรการสนับสนุนตลาดทุนเพิ่มเติมต่อเนื่องในปีนี้ เพื่อเรียกความเชื่อมั่น”
นายลวรณกล่าวว่า ในวันที่ 16 ส.ค.67 กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการประชุมเพื่อพิจารณากำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ และอัตราผลตอบแทนขั้นสูง จากนั้นจะแจ้งให้นักลงทุนรายย่อยทราบรายละเอียดอีกครั้ง ผ่านหนังสือชี้ชวนการลงทุนในช่วงเดือน ก.ย.67 โดยจะมีการระดมทุนโดยเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ต่อผู้ลงทุนทั่วไป ซึ่งถือเป็นครั้งแรก โดยล่าสุดกองทุนฯมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกองทุน สำหรับแนวทางการลงทุนของกองทุนฯนั้น จะเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งแบบเชิงรุก (Active) และแบบเชิงรับ (Passive) โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในตราสารทุนในตลาดหุ้น เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีผลตอบแทนที่ดี มีความมั่นคง ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
นายภากรกล่าวว่า ทุกวันนี้นักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นลดลงถ้ามีหน่วยลงทุนในวายุภักษ์เพิ่มจะทำให้นักลงทุนรายย่อยและสถาบันมีกำลังซื้อในตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งด้วยโครงสร้างกองทุนที่มีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ และมีโอกาส Upside Gain ปกป้องผลประโยชน์ที่ชัดเจน การลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ในช่วงนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่ดี เนื่องจากค่า PE อยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต และต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่