นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีที่เกิดการทุจริตของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการทำงานอย่างเข้มงวดของหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งกระบวนการตรวจสอบเป็นไปตามกฎหมาย แต่สิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการคือการออกแนวทางกำกับดูแลที่จะช่วยสร้างความโปร่งใสให้กับตลาดทุนไทย ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะออกมาตรการอื่นเสริมรองรับตามความจำเป็นต่อไป ที่ผ่านมารัฐบาลได้ติดตามจับบุคคลที่หนีไปต่างประเทศได้ ซึ่งจะเห็นได้ถึงความจริงจัง โดยในส่วนของกลไกการกำกับดูแลนั้น ได้มีการปรับ ขันน็อตให้ทุกอย่างรัดกุม ส่วนมาตรการที่จะเติมสภาพคล่องเข้าตลาดทุนนั้น อยู่ระหว่างการเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติทั้งการปรับปรุงเงื่อนไขกองทุน Thai ESG และกองทุนวายุภักษ์ โดยในส่วนของกองทุน Thai ESG นั้น อยู่ระหว่างรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอกลับมายังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญและใช้เม็ดเงินงบประมาณเข้าไปสนับสนุน
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีการกล่าวโทษผู้บริหารบิ๊กเนมชื่อดังของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ว่า เป็นการดำเนินการที่น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย “เพราะอะไรที่อยู่ใต้พรมก็เอาออกมาให้หมด ไม่ว่าจะเคยซุกไว้สมัยไหนไม่รู้ ถ้าเจอต้องจัดการเชื่อว่าการดำเนินการเช่นนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้นไทยได้” ส่วนกรณีที่มองว่าดำเนินการได้ค่อนข้างช้านั้น มองว่าเร็วช้าอยู่ที่หลักฐาน “จะไปกล่าวหาใครรุนแรงขนาดนี้ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน เหตุการณ์หลายกรณีในตลาดหุ้น จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทาย หากมีการบังคับใช้กฎหมายต้องชัดเจน รวดเร็ว เด็ดขาด ส่วนนี้จะสร้างความเชื่อมั่นได้”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่