“พายุ EA” ถล่มหุ้นแบงก์ร่วงหนัก หวั่นต้องตั้งสำรองหนี้เสีย SCB หนักสุด เจ้าหนี้รายใหญ่สุด

“วิกฤติความเชื่อมั่น” วกกลับมากดดันตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง หลังสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษ 3 ผู้บริหารของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EA กรณีร่วมกันทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ ทำให้บริษัทเสียหาย และเป็นเหตุทั้ง 3 ได้รับผลประโยชน์รวม 3.4 พันล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

กรณีดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทย และหุ้นที่เกี่ยวข้องให้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารที่เป็น “เจ้าหนี้” ของบริษัท หลังนักลงทุนมีความกังวลว่า EA จะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหรือไม่ พร้อมกันนี้ยังเป็น Sentiment เชิงลบ ทำให้หุ้นธนาคารอื่นถูกเทขายไปตามๆ กัน

สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร ณ เวลา 14.50 น. หุ้น SCB ลดลง 3.76% อยู่ที่ 102.50 บาท, TTB ลดลง 2.76% อยู่ที่ 1.76 บาท, KKP ลดลง 3.74% อยู่ที่ 45 บาท, BBL ลดลง 2.95% อยู่ที่ 131.50 บาท, KBANK ลดลง 2.34% อยู่ที่ 125 บาท, KTB ราคาไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 17.50 บาท, BAY ลดลง 0.40% อยู่ที่ 24.70 บาท, TISCO ลดลง 0.26% อยู่ที่ 95.50 บาท, CREDIT ลดลง 2.16% อยู่ที่ 18.10 บาท และ LHFG ลดลง 1.09% อยู่ที่ 0.91 บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า EA มีหนี้สินจากสถาบันการเงินทั้งสิ้น 3.1 หมื่นล้านบาท (อ้างอิงข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 1/67) แบ่งเป็นหนี้สินที่จะครบกำหนดภายใน 1 ปี 1.4 หมื่นล้านบาท และหนี้สินระยะยาว 1.7 หมื่นล้านบาท 

โดยธนาคารพาณิชย์ ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของลูกค้า ทำให้ปัจจุบันเราไม่มีข้อมูลว่าธนาคารพาณิชย์ไหนปล่อยสินเชื่อให้ EA บ้าง ทั้งนี้เราประเมินว่าสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยให้ EA น่าจะมีหลักประกันบางส่วน และบางส่วนก็เป็นสินเชื่อ Project finance

ภายใต้ในกรณีเลวร้ายสุด ซึ่งสินเชื่อของ EA ไหลตกชั้นเป็น Stage 3 หรือ NPLs จะทำให้ธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ของ EA ต้องชั้นจัดและตั้งสำรองหนี้ฯ สูงขึ้นเฉลี่ยเป็น Stage 3 หรือ NPLs จากปัจจุบันที่เราคาดว่าอยู่ใน Stage 1

ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ของ EA และเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้เราประเมินว่าธนาคารส่วนใหญ่มีสำรองส่วนเกิน (Management overlay) เพื่อรองรับความเสี่ยงไว้บางส่วนแล้ว และประเมินว่า EA จะยังดำเนินธุรกิจหลักได้ ทำให้ประเมินว่า ธนาคารน่าจะบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าวได้

ด้าน วสุ กลมเกลี้ยง กรรมการบริษัท และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน หรือ CFO บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EA เปิดเผยว่า สำหรับภาระหนี้ของบริษัทที่มีอยู่ เบื้องต้นเงินกู้ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงิน ประกอบด้วย  ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ ADB, ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ ไจก้า โดย ธนาคารไทยพาณิชย์ ถือเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการเสนอขายหุ้นกู้ต่อไป พร้อมกันนี้ได้รับการยอมรับจากธนาคารเพื่อสนับสนุนจากส่วนที่ขาดไว้แล้ว ขณะที่หุ้นกู้ค้างชำระจำนวน 5,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถจ่าย จากปัจจุบันมีรายได้ขายไฟเดือนละพันล้านบาท

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney