เปิดตัวมาแล้ว 1 คนสำหรับ แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยอมรับแล้วว่าเป็นหนึ่งในผู้ลงสมัคร ชิงตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนใหม่ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ลงทุน และร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดในตลาดหุ้น
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ยอมรับเป็นหนึ่งในผู้สมัครในการเข้าดำรงตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนต่อไป และอยู่ระหว่างการรอโชว์วิสัยทัศน์
“ความคืบหน้าตอนนี้ อยู่ระหว่างการรอเรียกเพื่อดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ และไม่ทราบว่า การลงสมัครครั้งนี้มีใครเป็นผู้ที่ร่วมลงบ้าง”
ทั้งนี้ตลาดหุ้นที่ผ่านมามีการเติบโตที่ดี โดยเห็นได้จากทิศทางของผลประกอบการกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 มีกำไรสุทธิเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีการเติบโตมากกว่า GDP ถึง 3 เท่าตัว ซึ่งสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของประเทศ
ซึ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวต่อเนื่อง จะเห็นได้จากปัจจุบันที่มีบริษัทที่ถือเป็น New Economic กว่า 165 บริษัท จากจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น 800 บริษัท
และในอนาคต ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีแผนการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทยในอนาคต จะมุ่งเน้นไปยังบริษัทต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยให้เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้น ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนมาก
ซึ่งเรามองว่า เป็นโอกาสที่จะชักชวนบริษัทกลุ่มนี้เข้ามาระดมทุนในประเทศไทยจำนวนมาก เป็นโอกาส และเรามองบริษัทจำนวนหนึ่งที่มีโอกาสและแสดงความสนใจที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทยแล้ว
เร่งฟื้นความเชื่อมั่น
อย่างไรก็ตามในด้านการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนนั้น มองว่า จะต้องยกระดับความร่วมมือกับผู้กำกับดูแลความผิดปกติในตลาดหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ นั้นเป็นด้านแรกที่จะเห็นความผิดปกติ นอกจากนี้ต้องปรับวิธีสื่อสารกับนักลงทุนใหม่ ว่าตลาดหุ้นไทยเวลานี้ เป็นตลาดหมี ซึ่งจะต่างจากตอนที่หุ้นเป็นขาขึ้น
“ตลาดหุ้นไทยเวลานี้เป็นตลาดหุ้นหมี ซึ่งหากเราพิจารณาดีๆ จะพบว่าก็ยังมีโอกาสลงทุนอยู่ แต่ต้องปรับวิธีการสื่อสารกับนักลงทุนใหม่ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์พร้อมที่จะให้ข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปเผยแพร่กับนักลงทุน”
นอกจากนี้เราต้องมาจัดการด้านดาต้าข้อมูลใหม่ เพราะต้องยอมรับว่า ถ้ามีข้อมูลที่มากเกินไป และไม่เกี่ยวข้องกับที่จะนำมาวิเคราะห์จะส่งผลกระทบกับการนำข้อมูลไปใช้ต่อได้